บูรณาการนำทีม บุกทลายโกดัง ไร้ อย.

(27 ก.พ.67) บริเวณหมู่บ้านย่านรังสิต คลอง 3 ดร.พวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ นำชุดปฏิบัติการพิเศษ ซึ่งเป็นการบูรณาการร่วมกันระหว่าง สคบ. ตำรวจไซเบอร์  และ อย.  ลงพื้นที่ทลายโกดัง จับกุมเครือข่ายมิจฉาชีพฉ้อโกงประชาชน หลอกขายสินค้าผิดกฎหมาย โฆษณาเกินจริง ไม่มี อย. ผ่านช่องทางออนไลน์  

รวมถึงหลอกส่งสินค้าเก็บเงินปลายทาง มีประชาชนได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก

การลงพื้นที่ครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากมีผู้บริโภคได้รับความเดือดร้อนและร้องเรียนไปยัง สคบ. ว่าถูกหลอกให้ชำระเงินค่าพัสดุปลายทาง จากการสั่งซื้อสินค้าเป็นกระดาษทิชชู่

โดยร้านค้าจัดส่งสินค้าไปยังบ้านเรือนประชาชน และให้พนักงานแจ้งเก็บเงินปลายทาง เมื่อมาตรวจสอบหลังชำระเงินแล้ว พบว่าไม่ได้มีการสั่งซื้อสินค้าดังกล่าวจริง  จึงร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับทาง สคบ.

เมื่อทาง สคบ. ประสานไปยังตำรวจไซเบอร์ และ อย. พบว่าแหล่งกระจายสินค้าดังกล่าวยังมีสินค้าอีกหลายประเภทที่ลักลอบจำหน่ายโดยไม่ผ่านการจดแจ้งของ อย.

ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าสินค้าดังกล่าวถูกส่งมาจากเวียดนาม มีการลงโฆษณาและขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์เป็นหลัก

และยังตรวจพบบัญชีการจำหน่ายสินค้า ยอดล่าสุดเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา จำหน่ายได้กว่า 4,700 ชิ้น เป็นเงินมูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท

และมียอดสั่งซื้อในเดือนกุมภาพันธ์อีกประมาณ 9 ล้านบาท

เบื้องต้นสามารถจับกุมผู้นำเข้าซึ่งเป็นชาวไทยและชาวเวียดนามได้ และจะมีการขยายผลต่อไป

สำหรับการจับกุมตามกรณีข้างต้น เข้าข่ายมีความผิดฐาน “ฉ้อโกง” ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.341 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี  ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

สินค้า 5 ประเภท ได้แก่ ยา อาหารเสริม เครื่องสำอาง สมุนไพร และเครื่องมือแพทย์ ซึ่งมีฟิลเลอร์ (Filler) และโบท็อกซ์ (Botox) รวมอยู่ด้วย

โดยมีความผิดตาม พรบ. ของ อย. มีโทษจำคุก 3 ปี ปรับ 300,000 บาท และยังมีความผิดฐานนำเข้า พรบ.คอม รวมถึงโฆษณาเกินจริง อีกด้วย

ดร.พวงเพ็ชร กล่าวว่า ตนได้กำชับ สคบ. ให้บูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วน เพื่อคุ้มครองและให้ความช่วยเหลือผู้บริโภคเชิงรุก ซึ่งจากกรณีดังกล่าวมีผู้เสียหายเป็นจำนวนมากและมีมูลค่าความเสียหายสูง มีเครือข่ายขนาดใหญ่ โดยมีการซื้อขายผ่านทางออนไลน์ ซึ่งเป็นช่องทางที่ผู้บริโภคมีการร้องเรียนมายัง สคบ. มากที่สุด

การลงพื้นที่จับกุมครั้งนี้ ถือเป็นผลสำเร็จที่สามารถจับผู้ค้ารายใหญ่ และจะมีการขยายผลในระยะต่อไป เพื่อลดการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นในวงกว้าง

พร้อมกันนี้ ขอความร่วมมือประชาชนหากพบเห็นการฉ้อโกงดังกล่าว สามารถร้องเรียนมายัง สคบ. ได้ที่สายด่วน 1166 ทางแอปพลิเคชัน OCPB Connect และสายด่วน 1144