‘สุชาติ’ฟ้อง DSI กล่าวหา หักหัวคิว พ้อ นายกฯควรตรวจสอบหน่วยงานในกำกับ

 

นายสุชาติ ชมกลิ่น สส.พรรครวมไทยสร้างชาติ อดีต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่าได้ยื่นฟ้อง 3 ข้าราชการระดับสูง DSI ปมแถลง กล่าวหาเกี่ยวข้องกับการหักหัวคิวแรงงานที่ฟินแลนด์ 36 ล้านบาท

และ ศาลได้ประทับรับฟ้องแล้ว พร้อมนัดไต่สวนวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 67 นี้

‘ผมเอง พร้อมด้วย สส. 14 คน จากพรรครวมไทยสร้างชาติ เดินทางมายัง ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เขตตลิ่งชัน เพื่อยื่นฟ้องต่อศาล

กรณีที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ แถลงเมื่อวันที่ 10 มกราคม ที่ผ่านมา มีมติกล่าวหา อดีตรมว. 2 คน และผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงแรงงาน 2 คน  รวม 4 คน ในความผิด มาตรา 149 และ 157

หลังพบหลักฐานเชื่อมโยง เกี่ยวข้องกับการค่าหักหัวคิว แรงงานที่ไปเก็บผลไม้ป่าที่ ประเทศฟินแลนด์ จำนวน 12,000 คน

ระหว่าง ปี 2563-2566 คนละ 3,000 บาท รวมค่าเสียหาย 36 ล้านบาท’

นายสุชาติ กล่าวว่า ได้ฟ้อง 3 เจ้าหน้าที่ ดีเอสไอ คือ อธิบดีดีเอสไอ ที่เซ็นเอกสารในขณะนั้น

รักษาการอธิบดีดีเอสไอ คนปัจจุบัน

และผอ.กองคดีค้ามนุษย์  

ในข้อหา ม.157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และ ม.200 เป็น จนท.รัฐกลั่นแกล้งให้รับโทษทางคดีอาญา  รวมถึงอีก 7-8 มาตราที่เกี่ยวข้อง

ซึ่ง การที่ดีเอสไอ ออกมาแถลงข่าว ส่งผลให้ตนเองและครอบครัว ได้รับความเสียหาย แม้ว่าครั้งนั้นจะไม่มีการเอ่ยชื่อ

แต่ได้พูดว่ารัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งในช่วงปี 2563 ซึ่ง เป็นช่วงเวลาที่ตนดำรงตำแหน่งอยู่ ทำให้ประชาชนและหลายคนเข้าใจว่าเป็นตน

และการที่ตนมาร้องในครั้งนี้ถือเป็นการรักษาสิทธิ์ และ เชื่อว่าการที่ดีเอสไอ ออกมาแถลงเป็นการ กลั่นแกล้งทางการเมือง

‘วันนี้ ได้นำเอกสารหลักฐานจำนวนหลายร้อยแผ่น มายื่นต่อศาล เพราะมีข้าราชการดีเอสไอหลายคนนำข้อมูลมาให้ผม

ซึ่งหลังจากนี้ผมจะอภิปรายเรื่องในกระบวนการยุติธรรมในสภา แล้วท้ามาดูกันว่าผมมีหลักฐานมากแค่ไหน

โดยศาลได้ประทับรับฟ้องแล้ว พร้อมนัดไต่สวนวันที่ 6 กุมภาพันธ์ นี้ ผมยังยืนยันในฐานะอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเช่นเดิมว่า การส่งแรงงานไปทำงานที่ฟินแลนด์

เป็นการทำงานเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง มีหน่วยงาน ในประเทศไทยรองรับ ทั้งธนาคารซึ่งแรงงานทุกคนเมื่อกลับมาก็จะได้เงินชดเชยแม้จะไม่ได้ไปทำงานก็ตาม

สิ่งที่ผมปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ทำเพื่อพี่น้องประชาชนผู้ใช้แรงงาน แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาจากหน่วยงานรัฐที่อยู่ภายใต้การดูแลของนายกรัฐมนตรีท่านปัจจุบัน

จึงอยากให้นายกรัฐมนตรี ลงมากำชับตรวจสอบการทำงานของหน่วยงานดังกล่าวด้วย’