ไฟเขียว “การใช้แร่เฉพาะที่ รักษาเนื้องอกในตา” ขยายสิทธิประโยชน์ หนุน Quick win มะเร็งครบวงจร
บอร์ด สปสช. ประเดิมขยายสิทธิประโยชน์ “วางแร่เฉพาะที่ รักษาเนื้องอกในตา” หนุน Quick win นโยบาย “มะเร็งครบวงจร” เพิ่มการเข้าถึงรักษาอย่างมีประสิทธิผล ดูแลผู้ป่วยบัตรทอง ลดการสูญเสียดวงตาและการมองเห็น ลดเวลาและค่าใช้จ่ายเมื่อเปรียบเทียบกับการฉายรังสี เผยที่มาจากข้อเสนอโดยสมาคมรังสีรักษาและมะเร็งวิทยา เข้าสู่กระบวนการพิจารณาในระบบ
(6 พฤศจิกายน 66)นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ครั้งที่ 12/2566 โดยมีวาระการพิจารณาข้อเสนอสิทธิประโยชน์ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง 30 บาท) การใช้แร่เฉพาะที่เพื่อใช้ในการรักษาผู้ป่วยที่มีเนื้องอกในตา (plaque
brachytherapy)
ซึ่งผ่านการพิจารณาของคณะอนุกรรมการกำหนดประเภทและขอบเขตในการให้บริการสาธารณสุข
ซึ่งมี รศ.พญ.ประสบศรี อึ้งถาวร เป็นประธาน และนำเสนอโดย นางวราภรณ์ สุวรรณเวลา รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลได้มีนโยบายเพื่อยกระดับ 30 บาท หรือ 30 บาท Upgrade โดยมี “มะเร็งครบวงจร” เป็นหนึ่งในนโยบาย Quick win ที่ได้เร่งดำเนินการเพื่อให้ผู้ป่วยมะเร็งเข้าถึงการรักษาโดยเร็วก่อนสู่ระยะลุกลาม
ทั้งนี้เพื่อให้ผู้ป่วยมะเร็งที่ใช้สิทธิบัตรทองเข้าถึงบริการรักษาที่มีประสิทธิภาพในทางการแพทย์ยิ่งขึ้นซึ่งการวางแร่ถือเป็นบริการการแพทย์ขั้นสูงสุด และยังเป็นการสนับสนุนนโยบายมะเร็งครบวงจร
ในวันนี้ บอร์ด สปสช. ได้มีมติเห็นชอบขยายขอบเขตการรักษาเนื้องอกในลูกตาด้วยการวางแร่ที่ตา (eye-plaque brachytherapy) ซึ่งเป็นวิธีการรักษาที่มีประสิทธิผล เป็นสิทธิประโยชน์ในระบบบัตรทอง
ทั้งนี้ ผู้ป่วยที่มีเนื้องอกในลูกตามีภาวะเสี่ยงที่จะเป็น “โรคมะเร็งที่ตา” ได้ เป็นโรคที่พบไม่บ่อย อุบัติการณ์การเกิดโดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 5-6 คนต่อ 1 ล้านประชากร ซึ่งการรักษาด้วยการวางแร่ที่ตานี้เป็นทางเลือกในการรักษาที่ได้ประโยชน์กับผู้ป่วย โดยเฉพาะในช่วงระยะเริ่มแรกที่อาการไม่รุนแรงมาก หรือมีขนาดก้อนเนื้อไม่ใหญ่เกินไป ช่วยลดการสูญเสียดวงตาและการมองเห็น ทั้งหลังการรักษาผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตได้ค่อนข้างปกติ
ประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวต่อว่า การให้บริการรักษาเนื้องอกในลูกตาด้วยการวางแร่ที่ตานี้ ปัจจุบันประเทศไทยมีเพียงโรงพยาบาลรามาธิบดีแห่งเดียวที่ให้การรักษานี้ เป็นโรงพยาบาลที่รับส่งต่อผู้ป่วยจากโรงพยาบาลทั่วประเทศ นอกจากเป็นวิธีที่มีประสิทธิผลในการรักษาแล้ว ค่ารักษามีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นครั้งเดียว และยังมีความคุ้มค่าด้านประสิทธิผลต้นทุน ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับการฉายรังสีจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่า และมีระยะเวลารับบริการน้อยกว่าด้วย
“มติบอร์ด สปสช. ที่ได้บรรจุบริการรักษาเนื้องอกในลูกตาด้วยการวางแร่ที่ตา เป็นสิทธิประโยชน์เพื่อดูแลผู้ป่วยบัตรทองฯ ซึ่งวันนี้นับเป็นอีกก้าวหนึ่งของการยกระดับ30 บาท สู่ 30 บาท Upgrade” นพ.ชลน่าน กล่าว
ด้าน นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า การรักษาเนื้องอกในลูกตาด้วยการวางแร่นี้เกิดจากข้อเสนอโดยสมาคมรังสีรักษาและมะเร็งวิทยา และเป็นหัวข้อที่เสนอเข้าสู่กระบวนการพัฒนาชุดสิทธิประโยชน์ในปี 2562 ผ่านการศึกษาวิจัยประเมินความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์
โดย รศ.สุรศักดิ์ เสาแก้วคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยาและคณะ สนับสนุนทุนวิจัยจาก สวรส. ซึ่งทางคณะอนุกรรมการกำหนดประเภทและขอบเขตบริการสาธารณสุข และคณะอนุกรรมการกำหนดหลักเกณฑ์การดำเนินงานและการบริหารจัดการกองทุน ได้เห็นชอบแล้วและนำเสนอต่อบอร์ด สปสช. พิจารณาในวันนี้
“ด้วยโรคนี้มีผู้ป่วยไม่มาก หากคำนวณอัตราผู้ป่วยต่อประชากร คาดว่าในระบบจะมีผู้ป่วยประมาณ 16 รายต่อปี ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 84,800 บาทต่อราย เป็นงบประมาณรวมจำนวน 1,356,800 บาทต่อปี
โดยใช้งบประมาณจากงบกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปีงบประมาณ 2567 ส่วนรายการบริการกรณีเฉพาะ พร้อมกันนี้ให้มีการกำกับติดตาม ประเมินผลการเข้าถึงบริการ และรายงานผลต่อคณะทำงานยกระดับความเป็นเลิศด้านการแพทย์ขั้นสูงสุด และคณะอนุกรรมการกำหนดหลักเกณฑ์การดำเนินงานและบริหารจัดการกองทุนฯ เพื่อพัฒนาต่อไป” เลขาธิการ สปสช. กล่าว