พรรคเพื่อไทย ขู่เดินต่อลำบาก หลัง‘ก้าวไกล’กดดันกินรวบ ขอตำแหน่ง ประธานสภาฯ



 

(24 พ.ค. 66) ที่พรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร

ภายหลัง นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ออกมาส่งสัญญาณถึงพรรคก้าวไกลว่า ตำแหน่งนี้ ต้องเป็นคนของพรรคก้าวไกล

โดย นพ.ชลน่าน ระบุว่าถือเป็นความเห็นทั่วไป ตนเองมองว่าเป็นการทำให้บรรยากาศของการทำงานร่วมกัน หรือเจรจาพูดคุยกันถึงเป้าหมายการเลือกนายกรัฐมนตรี ในที่ประชุมร่วมของรัฐสภานั้น ถูกกดดัน หรือปิดช่องไม่ให้มีการพูดคุยกัน ซึ่งดูแล้วไม่ค่อยเป็นผลบวก

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ควรจะเป็นของพรรคเสียงข้างมากหรือไม่อยู่ที่การตกลงพูดคุยกัน และอยู่ที่ความเหมาะสม

รวมถึงไม่ขอวิพากษ์ พรรษาทางการเมือง ของ สส.พรรคก้าวไกล หากมานั่งในตำแหน่งนี้ แต่มั่นใจว่าคนที่ได้รับเลือกจากพี่น้องประชาชนมาย่อมมีความรู้ความสามารถมีวุฒิภาวะ ส่วนจะทำงานให้สอดคล้องเหมาะสมหรือไม่ก็อยู่ที่การปฎิบัติงานของเขา

‘พรรคเพื่อไทย เราเป็นพรรคการเมืองที่มีบุคลากรที่ผ่านการทำงานทางการเมืองมาเยอะ ยืนยันว่าเรามีความพร้อม’

ขณะที่ นายอดิศร เพียงเกษ อดีตโฆษกผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะว่าที่ สส. พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ว่า ถ้าพรรคก้าวไกลอยากได้ทุกตำแหน่ง ต้องทำให้ได้เหมือนในสมัยพรรคไทยรักไทยที่ได้  377 เสียง เกินครึ่งในสภาฯ เพราะตำแหน่งประธานสภาฯ หากวัดกันที่บุคลากรภายในพรรค เชื่อมั่นว่าพรรคเพื่อไทยจะมีความเหมาะสมมากกว่า

ดังนั้น เมื่อพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยต่างเป็นพรรคประชาธิปไตยทั้งคู่  ก็สามารถหาทางออกเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้  ด้วยการใช้สภาผู้แทนราษฎรเป็นที่ชี้ขาดโหวตเลือกประธานสภาฯ

โดยพรรคก้าวไกลเสนอรายชื่อของตนเองเข้าไป และเพื่อไทยก็เสนอรายชื่อด้วย จากนั้นให้ที่ประชุมโหวตว่า จะเลือกคนของพรรคเพื่อไทยหรือก้าวไกล  

อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะพรรคเพื่อไทยจะสู้เต็มที่หรือดึงดัน  แต่เนื่องจาก การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่มีพรรคใดได้เสียงเกินครึ่ง ดังนั้นทางออกโดยการโหวตจึงเหมาะสมที่สุด

นายอดิศร ระบุด้วยว่า ตำแหน่งประธานสภาฯ เป็นตำแหน่งที่เป็นหน้าเป็นตาไม่แพ้ฝ่ายบริหาร เมื่อฝ่ายบริหารได้คนหนุ่มไฟแรงเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว พรรคก้าวไกลก็ไม่ควรกินรวบ ควรแสวงจุดร่วม สงวนจุดต่าง

ซึ่งหากพรรคก้าวไกลยังคงดึงดัง และพรรคเพื่อไทยตัดสินใจไม่ร่วมรัฐบาลด้วย ก็จะเดินหน้าต่อไปไม่ได้