กทม. จัดตั้ง 2 ศูนย์ต่อต้านการทุจริตในองค์กร



นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้กำหนดนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตในมิติบริหารจัดการดี ข้อ 56 ลดเสี่ยงโกงผ่านความร่วมมือภาคีเครือข่ายประชาชน

และข้อ 107 โปร่งใส ไม่ส่วย ด้วยเหตุนี้จึงจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริตกรุงเทพมหานคร (ศปท.กทม.) เพื่อเป็นหน่วยกำหนดนโยบายและยุทธศาสตร์ฯ และจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการติดตามการต่อต้านการทุจริตของกรุงเทพมหานคร (ศตท.กทม.)

เพื่อเป็นหน่วยปฏิบัติการในการขับเคลื่อนการดำเนินการลงพื้นที่ในเรื่องพิเศษ (เฉพาะกิจ) ในการสอบสวนจับกุม ตลอดจนวางแผนจับกุม โดยร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.)

โดย กทม. ได้จัดตั้งห้อง War Room ศูนย์ปฏิบัติการติดตามการต่อต้านการทุจริตของกรุงเทพมหานคร (ศตท.กทม.) ณ ห้องประชุมสำนักงาน ก.ก. 3 ชั้น 5

สำหรับวงจรการปฏิบัติการต่อต้านการทุจริตกรุงเทพมหานคร ประกอบด้วย ขั้นตอนการรับเรื่องจากแหล่งข้อมูล ซึ่งมีการรักษาความลับโดยการจำกัดรหัสเข้าถึงข้อมูล ปิดรายชื่อ/ดัดแปลงรายชื่อผู้แจ้งเบาะแส

สำหรับขั้นตอนปฏิบัติการจะมีการตรวจสอบข้อมูลการทุจริตเบื้องต้น และศูนย์ฯ จะมอบหมายเจ้าหน้าที่ กทม. ลงพื้นที่ตรวจสอบร่วมกับ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. หรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะ จากนั้นจะเป็นการสอบสวนขยายผล วางแผนจับกุม (ถ้ามี) ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. ตำรวจจาก บก.ปปป. และส่งต่อเพื่อดำเนินคดีอาญา พร้อมดำเนินการตามมาตรการทางการบริหารควบคู่กัน

ซึ่งได้แก่ การย้ายออกจากพื้นที่โดยให้ประจำสำนักปลัดกรุงเทพมหานคร หรือให้ช่วยราชการที่หน่วยงานอื่น และดำเนินการทางวินัยอย่างร้ายแรง โดยสั่งพักราชการและให้ออกจากราชการไว้ก่อน

‘กทม.มีความตั้งใจอย่างจริงจัง ประกาศเจตนารมณ์ที่จะไม่อ่อนข้อหรือผ่อนปรนให้กับการทุจริต มีการจัดการขั้นเด็ดขาดที่สุด

ส่วนตัวมองว่าปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดการทุจริตนั้นเป็นปัจจัยบุคคล อยู่ที่คุณธรรม จริยธรรม จิตสำนึก ซึ่งถือเป็นเรื่องหนึ่งที่ควรย้ำอยู่ตลอดเวลา

อย่างไรก็ตาม เราต้องยอมรับความจริงว่าเกิดปัญหา จึงจะสามารถแก้ปัญหานั้นได้’ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าว