ถอดรหัสความสำเร็จสื่อเกาหลี มองสื่อไทย สร้างโอกาสในการร่วมผลิตเนื้อหาไทย-เกาหลีสู่สากล



สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือกสทช. ได้เผยแพร่ หลังงานสัมมนาเชิงปฏิบัติการในหัวข้อ “Korean Media Landscape and the Opportunities for Thai-Korean Co-production : ภูมิทัศน์สื่อเกาหลี และโอกาสในการร่วมผลิตเนื้อหาไทย-เกาหลี” เมื่อวันอังคารที่ 17 มกราคม 2566 ที่สำนักงาน กสทช. ได้จัดขึ้นและได้รับเกียรติจากวิทยากรทั้งชาวไทยและชาวเกาหลีมาบรรยายและร่วมอภิปรายมีประเด็นที่น่าสนใจ

ศาสตราจารย์ ซองชอล คิม (Professor Seongcheol Kim, Ph.D.) ศาสตราจารย์ด้านธุรกิจสื่อและสื่อใหม่ Korea University กล่าวว่า ความคิดสร้างสรรค์และเทคโนโลยีเสมือนจริง virtual เป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จระดับโลกของ K-Content หรือเนื้อหาสื่อของเกาหลี

ในขณะสิ่งที่จะสร้างมูลค่าหรือทำเงินให้นั้นคือการถือครองทรัพย์สินทางปัญญา (Intellectual Property-IP)

ตัวอย่าง เช่น  Squid Game ซึ่งเป็นเนื้อหาสื่อเกาหลีโด่งดังไปทั่วโลก แต่ผู้ที่ได้ประโยชน์มากที่สุดกลับเป็นเจ้าของแพลตฟอร์มระดับโลกอย่าง Netflix ซึ่งถือครองลิขสิทธิ์ ไม่ใช่ผู้ผลิตเนื้อหา

ดังนั้น อุตสาหกรรมสื่อของเกาหลีจึงควรให้ความสำคัญกับการสร้างและเป็นเจ้าของ IP ให้มากขึ้น รวมถึงการใช้ประโยชน์ให้ได้สูงสุดด้วย IP แบบ One Source, Multi Use (OSMU) หรือกลยุทธ์ข้ามสื่อ

อย่างไรก็ตาม จนถึงปัจจุบัน ผู้ประกอบการในเกาหลีพยายามลงทุนในแพลตฟอร์ม เช่น OTT ของเกาหลีเอง แต่ยังไม่สามารถสู้กับแพลตฟอร์มระดับโลกได้ ส่วนหนึ่งเพราะตลาดยังมีขนาดเล็กกว่ามาก

ประเทศต่างๆ ซึ่งเป็นตลาดเล็กควรร่วมมือกัน เช่นไทยเองซึ่งก็มีศักยภาพสูงในการผลิตเนื้อหาเช่นกันควรร่วมมือกับผู้ประกอบการในเกาหลีเพื่อสู้กับแพลตฟอร์มระดับโลก

คุณฮีจู ลี (Mr. Hee-joo Lee) Head of Policy Planning Office, Content Wavve Corp มีความเห็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยกล่าวว่า OTT เติบโตอย่างรวดเร็วในฐานะสื่อยุคใหม่ จึงดูเหมือนว่าผู้ประกอบการสื่อดั้งเดิมต้องเผชิญศึก 2 ด้าน คือการแข่งขันกับสื่อใหม่ภายในประเทศ และการต่อสู้กับ  OTT ต่างชาติ โดยเฉพาะเจ้าใหญ่อย่าง Netflix และ YouTube ด้วย

สิ่งที่เกิดขึ้นในระดับโลก มีผู้ประกอบการในสหรัฐฯ เป็นผู้เล่นรายใหญ่ จะเห็นการร่วมมือกันเพื่อสู้กับ OTT เจ้าตลาด เช่น Warner จับมือกับ Discovery เพราะมองว่าไม่มีเวลาที่จะวิ่งตามผู้นำด้วยตัวเอง ดังนั้น มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้ผลิตเนื้อหาสื่อทั้งในเกาหลีและไทย

รวมถึงประเทศอื่นๆ จะจับมือกันเพื่อแข่งขันกับแพลตฟอร์มระดับโลกให้ได้ อย่ามัวแต่แข่งกันเอง เช่น ตัดราคากันในการผลิตเพื่อให้ออกเผยแพร่ทาง Netflix เพราะจะเกิดภาวะถูก "แบ่งแยกแล้วปกครอง"  

คุณฮีจู ลี กล่าวว่าทุนและงบประมาณ ถือเป็นส่วนสำคัญในการขยายตลาดเนื้อหารายการนานาชาติให้เพิ่มขึ้น อีกทั้งทางรัฐบาลเกาหลีก็ให้ความช่วยเหลือทั้งด้านการเรียนรู้และพัฒนาเนื้อหา ในขณะเดียวกันก็สนับสนุนทั้งผู้ประกอบกิจการโทรทัศน์แบบดั้งเดิมและ OTT รวมถึงเคารพกลไกตลาดด้วย ส่วนผู้ชมของเกาหลีก็ถือว่ามีบทบาทมากในการควบคุมคุณภาพของเนื้อหา เพราะพร้อมที่จะออกแสดงความคิดเห็นหากเนื้อหามีความผิดพลาดคลาดเคลื่อนหรือด้อยคุณภาพ

คุณไมเคิล ชอง (Mr. Michael Jung) Co-CEO, True CJ Creations (Thailand) / Managing Director, CJ ENM Hong Kong กล่าวว่า อุตสาหกรรมบันเทิงของเกาหลีได้รับการสนับสนุนอย่างยิ่งจากรัฐบาลเกาหลี ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง สังคมและวัฒนธรรมในยุคทศวรรษ 1990 มีการกำหนดสัดส่วนเนื้อหาสื่อเกาหลีทั้งสำหรับโทรทัศน์และการฉายภาพยนตร์ในโรง มีหน่วยงานสนับสนุน เช่น Kocca (Korean Creative Content Agency) และKOFIC (Korean Film Council) และการลดการควบคุมหรือเซ็นเซอร์ให้เหลือน้อยที่สุด ทำให้ผู้ผลิตสามารถสร้างสรรค์ผลงานได้อย่างเต็มที่

ในช่วงทศวรรษ 2000 ละครเรื่อง Winter Sonata ได้รับความนิยมมากในญี่ปุ่น ต่อด้วยแดจังกึมและ Full House ที่ได้รับความนิยมในหลายประเทศในเอเชีย ผู้ผลิตเนื้อหารวมถึงสถานีโทรทัศน์ KBS MBC และ SBS ได้ตัดสินใจที่จะทุ่มทุนให้กับการสร้างละครโดยมีเป้าหมายส่งออกไปยังต่างประเทศ

ต่อมา ด้วยการรุกคืบและกระแสความนิยม OTT เนื้อหาสื่อเกาหลีอย่าง Squid Game และ Parasite ได้ปรากฏต่อสายตาชาวโลกและเป็นที่นิยมมากขึ้น ผู้ผลิตเนื้อหาของเกาหลีจึงมีโอกาสและมีความมั่นใจมากขึ้นที่จะขยายตลาดและนำความสามารถและประสบการณ์ที่สั่งสมมาไปเผยแพร่ พร้อมๆ กับพัฒนา IP ทั้งนี้ CJ ENM ได้เตรียมที่จะขยายไปสู่ตลาดและความร่วมมือในประเทศต่างๆ มากขึ้น รวมถึงสหรัฐอเมริกาด้วย

ในตอนหนึ่ง คุณไมเคิล ชอง ซึ่งมีโอกาสได้ทำงานกับคนไทยกล่าวถึงจุดแข็งประการหนึ่งของอุตสาหกรรมบันเทิงไทยว่า นักแสดงไทยหน้าตาดี

อย่างไรก็ตาม เมื่อมองกลับไปที่นักแสดงเกาหลีจะพบว่ามีการพัฒนา standard of actors and actresses จะต้องมีการฝึกฝนและฝึกซ้อมอย่างหนัก และพยายามพัฒนาตนเอง มีการเปรียบเทียบนักแสดงด้วยกันทั้งในต่างประเทศและในประเทศเพื่อให้พัฒนาอยู่ตลอดเวลา แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ ด้วยความมุ่งมั่นของนักแสดง มาตรฐานการผลิต และบทละครที่ลึกซึ้งก็ยิ่งทำให้นักแสดงเข้าถึงบทบาทมากขึ้น

สำหรับความท้าทายในการพัฒนาอุตสาหกรรมเนื้อหาสื่อของไทยนั้น จากประสบการณ์พบว่าผู้ประกอบการของไทยนั้นแข่งกันเองมากเกินไป ไม่ยอมร่วมมือกันเพื่อต่อสู้กับผู้เล่นในระดับโลก จึงอาจทำให้เสียโอกาสไป

ทางด้านผู้ประกอบการของไทย คุณอภิชาติ์ หงษ์หิรัญเรือง กรรมการผู้บริหาร สายธุรกิจสตูดิโอ บริษัทบีอีซีเวิร์ล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันตลาดเนื้อหารายการในไทย มีความท้าทายอย่างมากในด้านของการผลิตเนื้อหารายการ

โดยปัจจัยหลักคือ การที่ประเทศไทยมีสิ่งอำนวยความสะดวกไม่เพียงพอสำหรับการผลิตเนื้อหารายการ ทั้งด้านบุคคลากร ด้านการผลิตเนื้อหารายการที่ไม่มีสตูดิโอเป็นของตนเองทำให้ไม่สามารถดำเนินการผลิตได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งด้านทุนการผลิตที่ไม่เอื้ออำนวยทำให้การเขียนบท การพัฒนานักแสดง และ production ยังไม่ดีพอทัดเทียมต่างชาติ

ส่วนคุณพีรธน เกษมศรี ณ อยุธยา หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านคอนเทนต์และมีเดีย บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า การเป็นหุ้นส่วนหรือรวมตัวกันผลิตเนื้อหารายการของผู้ประกอบกิจการกันเองจะสามารถช่วยให้ เนื้อหารายการในประเทศมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ที่สำคัญ นโยบายของรัฐบาลถือเป็นแรงสนับสนุนสำคัญที่จะช่วยให้การผลิตเนื้อหารายการของไทยก้าวไกลได้ ต้องร่วมมือกัน และให้ผู้ประกอบการได้ร่วมทุนและผลิตรายการร่วมกันอย่างเสรี จากนั้น นำ OTT มาเป็นช่องทางในการสื่อสารและขยายตลาด Content ไทยสู่ตลาดโลก ต้องมีการเพิ่มปริมาณ (volume) ในการผลิตเนื้อหารายการ ต้องรวมตัวกันเพื่อสร้างแบรนด์ของเนื้อหาไทยสู่สากล รวมถึงการระดมทุนในการสร้างภาพลักษณ์และคุณค่าของเนื้อหารายการไทย