สกสว. เผยแนวทางการสร้างผลกระทบด้วยงานวิจัยเพื่อท้องถิ่น

สกสว. เผยแนวทางการสร้างผลกระทบด้วยงานวิจัยเพื่อท้องถิ่น“ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.)ร่วมกับวิทยาลัยพัฒนศาสตร์ ป๋วย อึ๊งภากรณ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เปิดเผยดัชนีชี้วัดความคุ้มค่าในการลงทุนผ่านงานวิจัยเพื่อท้องถิ่นพบข้อมูลว่าหลายพื้นที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มจากการลงทุนมากกว่า 7 เท่า ”ช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่จากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(สกสว.) ร่วมกับทีมนักวิจัยจาก วิทยาลัยพัฒนศาสตร์ ป๋วย อึ๊งภากรณ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ลงพื้นที่เปิดเผยข้อมูลการศึกษา“โครงการการประเมินผลโครงการวิจัยภายใต้การสนับสนุนของสกสว.ฝ่ายวิจัยเพื่อท้องถิ่น” ณ จังหวัดลำปางและจังหวัดพะเยาโดยมีคณะสื่อมวลชนให้ความสนใจร่วมลงพื้นที่มากกว่า 10 คน

โดยโครงการนี้เป็นโครงการที่ทำการประเมินผลสัมฤทธิ์ของการสนับสนุนทุนวิจัยฝ่ายวิจัยเพื่อท้องถิ่น สกสว.นายเศรษฐภูมิ บัวทอง นักวิจัยจากวิทยาลัยพัฒนศาสตร์ ป๋วย อึ๊งภากรณ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดเผยว่าที่ผ่านมาสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.)เดิมคือสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.)โดยฝ่ายวิจัยเพื่อท้องถิ่นได้ให้การสนับสนุนทุนวิจัยเพื่อท้องถิ่นซึ่งเป็นการสนับสนุนงานวิจัยที่โจทย์เกิดจากความต้องการของชาวบ้าน ตั้งแต่ปี พ.ศ.2543จนถึงปีงบประมาณ 2559 ฝ่ายการวิจัยเพื่อท้องถิ่น สกว.ได้ให้การสนับสนุนงานโครงการวิจัยไปแล้ว 3,764 โครงการเป็นมูลค่างบประมาณกว่า 1,198 ล้านบาทสามารถสร้างนักวิจัยและผู้เกี่ยวข้องในโครงการต่าง ๆ 32,410 คน ในปีที่ผ่านมา

สกสว.จึงเริ่มประเมินผลสัมฤทธิ์ของการสนับสนุนการวิจัยเพื่อศึกษาทั้งประเด็นวิจัยเพื่อระบุผลลัพธ์และผลกระทบของงานวิจัยเพื่อท้องถิ่นโดยการใช้ดัชนีชี้วัดคือแนวคิดการประเมินผลตอบแทนทางสังคม Social Returnon Investment (SROI)
เป็นการประเมินมูลค่าทางสังคมที่ครอบคลุมทุกมิติทางสังคมที่มากกว่าการประเมินค่ามูลค่าของเงิน การทำ SROI
นั้นเพื่อให้เห็นถึงความคุ้มค่าของการลงทุนว่าสามารถสร้างผลลัพธ์เป็นมูลค่าทางสังคมเท่าไหร่ เพื่อประเมินว่าการลงทุนนั้นมีความคุ้มค่าหรือไม่นอกจากนี้การศึกษาในครั้งนี้ยังมีการศึกษารวมไปถึงประเด็นการให้ทุนวิจัย



ซึ่งพบว่าการให้ทุนวิจัยนั้นมีความสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน(Sustainable Development Goals หรือ SDGs)

ที่องค์การสหประชาชาติได้ตั้งเป้าหมายไว้หนึ่งในโครงการที่ได้รับการประเมินคือโครงการรูปแบบการแก้ไขปัญหาหนี้สินของชุมชนบ้านสามขา ตำบลหัวเสืออำเภอแม่ทะ จังหวัดลำปาง โดยนายชาญ อุทธิยะ หรือ ลุงหนานนักวิจัยชาวบ้านเล่าให้ทีมข่าวฟังว่าจุดเริ่มต้นการทำงานวิจัยปลดหนี้ต้องย้อนไปราว 20 ปีก่อนชาวบ้านในชุมชนบ้านสามขา ตำบลหัวเสือ อำเภอแม่ทะ จังหวัดลำปางเกิดปัญหาในชุมชนโดยพบว่า หลายครัวเรือนต่างมีหนี้สินซึ่งปัญหาหนี้สินเริ่มทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นจนกระทั่งชายคนหนึ่งในหมู่บ้านตัดสินใจจบชีวิตด้วยการฆ่าตัวตายทำให้ชาวบ้านเริ่มรวมกลุ่มกันเพื่อหาทางออกในการลดหนี้สิน ในปี พ.ศ.2545ชาวบ้านที่นี่จึงเริ่มศึกษาหาทางออกโดยใช้กระบวนการวิจัย เกิดเป็นโครงการวิจัย“รูปแบบการแก้ไขปัญหาหนี้สินบ้านสามขา ตำบลหัวเสือ อำเภอแม่ทะจังหวัดลำปาง”

โดยได้รับการสนับสนุนจากฝ่ายวิจัยเพื่อท้องถิ่นสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ทำให้ชาวบ้านทราบว่าชาวชุมชนบ้านสามขามีหนี้สินรวมราว 18 ล้านบาทต่อมาจึงเกิดการแก้ปัญหาจนกระทั่งปัจจุบันชาวบ้านชุมชนสามขามีเงินในกองทุน
มากกว่า 21 ล้านบาท และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นนอกจากนี้ลุงหนานยังบอกอีกว่า จุดเริ่มต้นจากการที่ สกว.ในอดีตได้ลุงทุนกับงานวิจัยเพื่อท้องถิ่นโครงการนี้เพียง 300,000 บาททำให้ปัจจุบันชาวบ้านสามมารถมีเงินเก็บในกองทุนกว่า 21 ล้านบาท
ซึ่งจะเห็นได้ว่าการลงในทุนงานวิจัยลักษณะนี้เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าและเป็นการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากอย่างแท้จริง
แต่ก็น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่งที่ปัจจุบันหลังจากมีการปฏิรูประบบวิจัยของประเทศทำให้การวิจัยในลักษณะนี้ถูกลดบทบาทและอาจเลือนหายไปในอนาคตอันใกล้นี้ล่าสุดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริม วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หรือสกสว.
ได้เปลี่ยนบทบาทไปทำหน้าที่จัดสรรงบประมาณให้กับหน่วยงานในระบบวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ซึ่งบทบาทที่เปลี่ยนไปนั้นไม่ได้ให้ทุนสนับสนุนกับนักวิจัยรายโครงการโดยตรงแต่เปลี่ยนบทบาทเป็นหน่วยงานที่ทำหน้าจัดสรรงบประมาณด้วยการวิจัยของประเทศ

เพื่อให้งบประมาณด้านการวิจัยนั้นถูกจัดสรรปย่างเป็นระบบและจะทำให้งานวิจัยสามารถตอบโจทย์การพัฒนาประเทศได้อย่างแท้จริง