ส.ว.ประภาศรี เเนะ รัฐฯเปิดโครงการ"คนไทยกลับคืนถิ่น"อำลาเมืองใหญ่ นำทักษะฝีมือแรงงาน


นางประภาศรี สุฉันทบุตรสมาชิกวุฒิสภา กรรมาธิการเศรษฐกิจ การเงินและการคลัง วุฒิสภา เปิดเผยว่า หลังจากที่วุฒิสภาให้ความเห็นชอบพ ร.ก.3ฉบับ วงเงิน1.9ล้านล้านบาทเพื่อช่วยเหลือและเยียวยาผู้ที่เดือดร้อนจากการแพร่ระบาด โควิด-19 ตนเห็นว่ารัฐบาลควรใช้วิกฤตให้เป็นโอกาสในการหมุนเศรษฐกิจให้เกิดการฟื้นตัวโดยเร็ว 

จึงขอเสนอโครงการ"คนไทยกลับคืนถิ่น"
เป็นการ"ขนคน"กลับไปพัฒนาท้องถิ่นอันเป็น ภูมิลำเนาคือ เพื่อลงทุนทำกิจการ ให้มีงานทำ มีรายได้เลี้ยงครอบครัวเป็นการพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน
   
ทั้งนี้ปัจจุบันคนออกจากถิ่นฐานกำเนิด ที่เป็นจังหวัดเล็กๆเข้ามาทำงานในเมืองเศรษฐกิจหรือเมืองใหญ่ เช่น กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ขอนแก่น สมุทรปราการ ชลบุรี ระยอง ภูเก็ต เป็นต้น

ทำให้ประชากรในเมืองเล็กๆ ลดลง ตลอดมา เเละเมื่อคนประสบปัญหา ถูกเลิกจ้างหรือไม่มีงานทำ ควรที่รัฐบาล จะรณรงค์ให้คนเหล่านี้กลับบ้านเกิดที่เป็นจังหวัดเล็กๆ คัดเลือกจังหวัดที่ยากจน เเละมีประชากรอยู่อาศัยน้อย 

โดยเป็นโครงการนำร่องประมาณ 10 จังหวัด โดยใช้งบประมาณก้อนหนึ่ง ให้คนที่ต้องการกลับบ้านได้กู้เงินดอกเบี้ยต่ำ เเละให้เวลาคืนทุนระยะยาว เช่นให้กู้ประมาณ 300,000 บาท เพื่อให้ตั้งตัวได้ โดยนำไปลงทุนทำกิจการ เเละให้มีธนาคารเฉพาะกิจดูแลหรือมีหน่วยงานที่เหมาะสมมารับผิดชอบ

นางประภาศรี เสนอว่า โครงการ "คนไทยกลับคืนถิ่น "อาจจะ แบ่งประชากรออกเป็น 3 ส่วนคือ

 1. ประชากรที่อยู่ในพื้นที่อยู่แล้ว ได้แก่ วิสาหกิจขนาดเล็กและขนาดกลางหรือ SMEs และเกษตรกร ซึ่งควร สนับสนุนเงินทุนมากที่สุดเพื่อให้ SMEs  เเละเกษตรกรอยู่ได้ และไม่ย้ายฐานการผลิตออกไปที่อื่น


 2. การย้ายกลับไปยังถิ่นฐานเดิมหรือย้ายกลับไปจังหวัดที่ยากจน เพื่อพัฒนาท้องถิ่นให้มีศักยภาพ เนื่องจากคนที่ย้ายกลับคืนถิ่น จะกลับมาพร้อมองค์ความรู้และทักษะด้านแรงงานที่แปลกใหม่และทันสมัย เป็นสิ่งแปลกใหม่ในชุมชน ควรมีมาตรการทางภาษี เเละมาตรการ ที่จะสร้างแรงจูงใจให้คนกลุ่มนี้กลับเข้าถิ่นฐานเดิมมากขึ้น

 3. แรงงาน Skill labour กลับมาทำการเกษตร เช่น ปลูกข้าว พืชผัก ผลไม้
นำไปสู่การเป็น Smart Farmer เต็มรูปแบบ เป็นการลดความแออัดของเมืองใหญ่ กลับไปใช้ชีวิตที่มีคุณภาพ มีสุขภาพที่ดีในต่างจังหวัด

‘ขอเสนอให้รัฐบาลจัดตั้งองค์กรดูแลอย่างจริงจัง มีหน่วยงานรัฐรับผิดชอบ อาจเป็นกรมการพัฒนาชุมชนกระทรวงมหาดไทย หรือกระทรวงการพัฒนาสังคมเเละความมั่นคงของมนุษย์’

ขณะเดียวกันก็ควรสร้างองค์ความรู้ เพื่อพัฒนาศักยภาพของคนทั้ง 3 กลุ่ม เเละสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ
รวมทั้งการดึงคนเข้ามาโดยใช้การศึกษาเป็นตัวตั้ง เช่นจัดให้มีการเปิดสอนเฉพาะสาขาที่เป็นความต้องการของตลาด และสาขาวิชาชีพ ที่จบการศึกษาแล้ว สามารถพึ่งพาเลี้ยงชีพตนเองได้

นางประภาศรี ย้ำว่า"คนคือทรัพยากรที่มีค่ามากที่สุด" ภาครัฐต้องกล้าลงทุน ทั้งนี้ ปัจจัยความสำเร็จ ได้แก่ ระบบควบคุมที่ดี องค์ความรู้,การบริโภคที่ดี 

ตัวชี้วัดความสำเร็จคือ การกลับคืนถิ่นของทั้ง 3 กลุ่มประชากร และรายได้ของประชากรที่เพิ่มขึ้น จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ข้อเสนอจัดตั้งโครงการ "คนไทยกลับคืนถิ่น "จะได้รับการตอบสนองจากรัฐบาล เพื่อนำไปสู่การมีงานทำ มีรายได้ ที่สำคัญ คือ การพลิกโอกาส ฟื้นประเทศให้พ้นจากสภาวะวิกฤต ทั้งทางด้านเศรษฐกิจและสังคมได้โดยเร็วอีกด้วย