“เสรีภาพหรือสุขภาพ”



ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “เสรีภาพหรือสุขภาพ” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 11 – 13 พฤษภาคม 2563 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา และอาชีพทั่วประเทศ         รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,259 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับข้อเสนอให้ยกเลิก พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พรก. ฉุกเฉิน) และ     การให้ความสำคัญระหว่างเสรีภาพกับสุขภาพ การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก           (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่าง ด้วยวิธีแบบง่าย (Simple Random Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนด   ค่าความเชื่อมั่นที่ร้อยละ 95.0

จากการสำรวจเมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนกับข้อเสนอให้ยกเลิก พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พรก. ฉุกเฉิน) พบว่า ร้อยละ 35.98 ระบุว่า เห็นด้วยมาก เพราะ สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด - 19 ดีขึ้นเยอะเเล้ว อยากให้กลับเข้าสู่ภาวะปกติ              จะได้เดินทางสะดวก และผู้ประกอบการสามารถประกอบอาชีพได้ตามปกติ ร้อยละ 21.76 ระบุว่า ค่อนข้างเห็นด้วย เพราะ สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด - 19 คลี่คลายลงแล้ว อยากให้มีการผ่อนปรน ในการดำเนินชีวิตได้อย่างปกติ ร้อยละ 15.17 ระบุว่า ไม่ค่อยเห็นด้วย เพราะ อาจทำให้เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด - 19 รอบ 2 ขึ้น และอยากให้สถานการณ์ดีขึ้นกว่านี้ ร้อยละ 25.74 ระบุว่า ไม่เห็นด้วยเลย เพราะ อยากให้สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด – 19 ปลอดภัย 100% ก่อน และเกรงว่าจะกลับมาเเพร่ระบาดรอบ 2 และร้อยละ 1.35 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่ทราบ/ไม่สนใจ  

ด้านความคิดเห็นของประชาชนกับข้อเสนอให้ยกเลิกประกาศเคอร์ฟิว (4 ทุ่ม ถึง ตี 4) พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 41.22 ระบุว่า เห็นควรให้มีเคอร์ฟิวตามเวลาเดิม เพราะ อยากให้การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด - 19 หมดไป 100% ก่อน และลดการมั่วสุม ชุมนุม ที่จะก่อให้เกิดการเเพร่ระบาดรอบ 2 รองลงมา ร้อยละ 33.68 ระบุว่า เห็นควรยกเลิกเคอร์ฟิวไปเลย เพราะ ไม่สะดวกในการเดินทางเป็นอย่างมาก ทำให้ผู้ที่ทำงานตอนกลางคืนขาดโอกาสในการประกอบอาชีพ และสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด - 19 ดีขึ้นเเล้ว ร้อยละ 23.99 ระบุว่า เห็นควรให้มีการปรับเวลาเคอร์ฟิวใหม่ เพราะ อยากให้ปรับเปลี่ยนเวลาให้ดึกมากกว่านี้ ประชาชนบางส่วนยังต้องทำงานอยู่ และจะได้สะดวกในการเดินทางมากขึ้น และร้อยละ 1.11 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่ทราบ/ไม่สนใจ

เมื่อถามผู้ที่เห็นควรให้มีการปรับช่วงเวลาเคอร์ฟิวใหม่ พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 40.73 ระบุว่า ช่วงเวลาเคอร์ฟิวใหม่ควรเป็นเวลา    00.00 น. - 04.00 น. รองลงมา ร้อยละ 18.21 ระบุว่า ควรเป็นช่วงเวลา 23.00 น. - 04.00 น. ร้อยละ 12.58 ระบุว่า ควรเป็นช่วงเวลา 00.00 น. - 05.00 น. ร้อยละ 6.29 ระบุว่า ควรเป็นช่วงเวลา 23.00 น. - 03.00 น. ร้อยละ 5.30 ระบุว่า ควรเป็นช่วงเวลา 23.00 น. - 05.00 น. และร้อยละ 16.89 ระบุว่า ควรเป็นช่วงเวลาอื่น ๆ

สำหรับความคิดเห็นของประชาชนต่อรัฐบาลว่าควรอนุญาตให้ ผับ บาร์ ร้านเหล้า เปิดให้บริการ พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 78.87 ระบุว่า            ยังไม่ควรอนุญาตให้เปิด เพราะ ผับ บาร์ ร้านเหล้า ถือเป็นแหล่งมั่วสุม แออัด ประชาชนบางกลุ่มยังไม่ให้ความร่วมมือ เกรงว่าการกลับมารวมตัวกันของประชาชน อาจทำให้เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด - 19 รอบ 2 รองลงมา ร้อยละ 18.03 ระบุว่า ควรอนุญาตให้เปิดได้แล้ว เพราะ ผู้ประกอบกิจการผับ บาร์ ร้านเหล้า ขาดรายได้ พนักงานตกงานมากขึ้น และควรมีมาตรการที่เข้มงวดในการป้องกันที่จะไม่ก่อให้เกิดการเเพร่ระบาดรอบ 2 และร้อยละ 3.10 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่ทราบ/ไม่สนใจ    

ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงการให้ความสำคัญระหว่างเสรีภาพกับสุขภาพ พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 83.80 ระบุว่า เลือกสุขภาพที่ปลอดภัยจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด - 19 แม้ว่าจะต้องถูกจำกัดเสรีภาพบ้างก็ตาม เพราะ ถ้าประชาชนสุขภาพดี ทำให้ไม่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด - 19 รอบ 2 ขึ้น และเสรีภาพก็จะได้กลับมาในการดำรงชีวิต รองลงมา ร้อยละ 12.87 ระบุว่า เลือกเสรีภาพในการดำเนินชีวิต แม้ว่าจะต้องเสี่ยงกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด - 19 เพราะ อยากมีอิสระในการเดินทาง ประกอบอาชีพเหมือนเดิม และประชาชนส่วนใหญ่มีการดูแลและรับผิดชอบตัวเองมากขึ้น ร้อยละ 2.86 ระบุว่า อะไรก็ได้แล้วแต่รัฐบาลจะเห็นสมควร เพราะ ทั้ง 2 สิ่งมีความสำคัญเท่ากัน ต้องทำควบคู่กันไป และร้อยละ 0.47 ระบุว่า                 ไม่ตอบ/ไม่ทราบ/ไม่สนใจ   

ข่าวอื่นๆ ที่น่าสนใจ