โฆษก ศบค. เผยมติมหาเถรสมาคมให้กิจกรรมวันวิสาขบูชาเป็นการกิจปฏิบัติของสงฆ์


ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) โถงกลาง ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. ตอบคำถามสื่อมวลชนผ่านโซเซียลมีเดียช่วงการแถลงข่าวของศูนย์ข่าวโควิด-19 และสรุปสาระสำคัญ ดังนี้

โฆษก ศบค. กล่าวเผยมหาเถรสมาคม มีมติเกี่ยวข้องการปฏิบัติกิจกรรมทางศาสนาในช่วงวันวิสาขบูชาให้สอดคล้องกับช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 โดยมีข้อปฏิบัติเพื่อป้องกันพระภิกษุ สามเณร และประชาชนให้ปลอดภัยจากการแพร่ระบาดของโรคเห็นชอบให้ทุกวัด ทั่วราชอาณาจักรและวัดไทยในต่างประเทศงดจัดกิจกรรมที่ประชาชนมารวมกลุ่มกันทุกประเภท ให้เป็นการปฏิบัติกิจของสงฆ์เท่านั้น โดยให้ปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถาณการณ์ฉุกเฉิน ปี พ.ศ. 2548 และแนวทางปฏิบัติด้านสาธารณสุขเพื่อจัดการภาวะระบาดของโรคโควิด-19 ของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน 2563 เป็นต้นไป จนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคจะเข้าสู่ภาวะปกติ 

จากนั้น โฆษก ศบค. ชี้แจงถึงการสั่งปิดกิจการหรือร้านที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรการนั้นว่า การประชุมของ ศบค. ย้ำเสมอว่า ช่วงการเปลี่ยนผ่านและเป็นช่วงการปรับพฤติกรรม ซึ่งประกอบไปด้วย 3 ส่วนที่มีความสำคัญ คือ ผู้ประกอบการ ผู้ใช้บริการ และผู้กำกับติดตามจากหน่วยงานของรัฐ  หากผู้ประกอบการทำตามมาตรการได้ดี สร้างระยะห่าง ผู้รับบริการก็ปฏิบัติตามด้วยดี รอคิว ไม่รวมตัวแออัด ผู้กำกับติดตามก็ไม่ต้องเข้ามามีบทบาท สำหรับร้านที่ไม่ปฏิบัติตามนั้น ขณะนี้ในเบื้องต้นยังไม่มีการสั่งปิดใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่ได้ลงโทษ เพียงแค่ตักเตือนและให้คำชี้แนะ แนะนำ เรียนรู้ร่วมกันเพื่อปรับชีวิตวิถีใหม่  พร้อมชื่นชมนวัตกรรมต่าง ๆ ที่ผู้ประกอบการได้ริเริ่มเพื่อป้องกันและสร้างความมั่นใจให้ผู้ใช้บริการ จึงต้องขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชน คำสั่งทั้งหลายเหล่านี้ออกมาก็เพื่อให้ท่านได้มีสุขอนามัยที่ดี ปลอดโรค ปลอดภัย


โฆษก ศบค. ได้กล่าวแนะนำ ผู้ใช้บริการขนส่งสาธารณะ ทั้งรถประจำทาง และรถไฟฟ้า ที่ตอนนี้เริ่มกลับมาหนาแน่นอีกครั้งว่า หากจำเป็นจะต้องใช้บริการขนส่งสาธารณะที่แออัด ก็ควรใส่หน้ากากอนามัย ส่วนการจัดพื้นที่ในระบบขนส่งสาธารณะนั้น เป็นความรับผิดชอบของผู้ดำเนินกิจการที่จะต้องพยายามปรับพื้นที่ เพื่อทำให้ผู้รับบริการได้เกิดความมั่นใจ โดยมีกรณีศึกษาในหลายๆ ประเทศ ทั้งการจัดพื้นที่ การเพิ่มเที่ยวโดยสาร/ตู้โดยสาร ในขณะเดียวกันผู้ใช้บริการหากเหลื่อมเวลา หลีกเลี่ยงในช่วงเวลาเร่งด่วน (Rush Hour) ซึ่ง ศบค. ยังยืนยันนโยบายทำงานจากบ้าน Work From Home จะส่งผลดี และการเดินทางควรลดลงให้ได้มากที่สุดเพื่อตัวท่านเอง

โฆษก ศบค. ได้กล่าวชี้แจงกรณีการรายงานผลของจังหวัดยะลาที่อาจจะมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในระบบการตรวจเชื้อว่า ความเชื่อมั่นมีความสำคัญ ตามนโยบายจะมีการเพิ่มจำนวนของศูนย์การตรวจ ห้องปฏิบัติการ เพื่อลดประเด็นที่ว่า ตรวจน้อย เจอน้อย ทั้งนี้ การเพิ่มปริมาณให้ได้การตรวจมากขึ้นจะต้องควบคู่ไปกับคุณภาพการปฏิบัติการต่างๆด้วย  ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขได้เห็นถึงข้อจำกัดของแล็บที่เพิ่งเปิดใหม่และบุคลากรที่เพิ่งเริ่มต้น จึงได้มีการส่งตรวจเพื่อย้ำความแม่นยำถึง 2 -3 แล็บ คือระบบ Double Check ดังนั้นศูนย์ที่เพิ่งตั้งขึ้นใหม่อาจต้องมีระบบโดยกระทรวงสาธารณสุขจะพัฒนาปรับปรุงระบบให้ดีขึ้น เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้ประชาชน

สุดท้าย โฆษก ศบค. ได้กล่าวว่า ในช่วงของการเปลี่ยนผ่านนี้ ได้มีการเน้นย้ำเสมอว่า ตัวเลขวันนี้เกิดจากการทำงาน 7 วัน 14 วัน ที่ผ่านมา ที่ทุกคนร่วมมือกัน หลายคนอาจกังวลใจว่าอีก 14 วันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร เพราะฉะนั้นจึงฝากให้ทุกท่านดำเนินชีวิตอย่างสติตลอดเวลา ใส่หน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ และเว้นระยะห่างกันไว้ ช่วยกันเป็นหูเป็นตาให้ทุกคนร่วมมือกันให้ได้ร้อยละ 100 จึงจะทำให้ไม่มีตัวเลขผู้ติดเชื้ออีกเลย และเราจะผ่านพ้นจากตรงวิกฤตนี้ได้ภายในเวลาประมาณ 2 เดือน ทุกคนก็จะปลอดโรค ปลอดภัย