"หัวเว่ยประกาศผลประกอบการธุรกิจไตรมาสแรกของปี 2563"

หัวเว่ย ได้ประกาศผลการดำเนินงานประจำไตรมาสแรกของปี 2563 ด้วยยอดขาย 182.2 พันล้านหยวน หรือราว 835,360 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.4 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยไตรมาสนี้มีกำไรสุทธิอยู่ที่ร้อยละ 7.3

 

ท่ามกลางสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ทั่วโลก  หัวเว่ยได้ดำเนินมาตรการเชิงรุกเพื่อดูแลความปลอดภัยของพนักงาน บริษัทยังได้ทำงานกับซัพพลายเออร์และพันธมิตรอย่างใกล้ชิดเพื่อร่วมหารือถึงปัญหาด้านการผลิต ทั้งนี้บริษัทได้กลับมาเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจและการผลิตอย่างเต็มกำลังแล้ว ธุรกิจกลับเข้าสู่ภาวะปกติ และผลประกอบการในภาพรวมของบริษัทในไตรมาสที่ 1 ประจำปี 2563 ก็เป็นไปตามคาดการณ์

 

ในช่วงวิกฤตด้านสาธารณสุขเช่นนี้การเชื่อมต่อเครือข่ายกลายมาเป็นรากฐานที่สำคัญที่สุดของทุกชีวิต การดูแลรักษาเครือข่ายให้ดำเนินได้ตามปกติถือเป็นสิ่งที่บริษัทให้ความสำคัญสูงสุดในตอนนี้ หัวเว่ยกำลังทำงานอย่างเต็มความสามารถร่วมกับผู้ประกอบการโทรคมนาคมเพื่อให้เครือข่ายมีความมั่นคงและปลอดภัยอยู่ตลอดเวลา ด้วยการร่วมแรงร่วมใจ เราจะให้บริการที่สอดรับความต้องการด้านเครือข่าย ที่ปรับเปลี่ยนไปเพราะการเว้นระยะห่างทางสังคม ผู้คนมากมายเปลี่ยนพฤติกรรมมาใช้การสื่อสารผ่านเครือข่าย การศึกษาทางไกล และอีคอมเมิร์ซมากขึ้น จนกลายเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวัน

 

ตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส หัวเว่ยและบริษัทพันธมิตรได้เร่งเปิดตัวแอปพลิเคชันทางการแพทย์ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี 5G และ AI หลายรูปแบบ เราใช้ความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการสื่อสารมาต่อสู้กับการแพร่ระบาด และรักษาชีวิตของผู้ติดเชื้อ การตรวจวินิจฉัยทางเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT) เพื่อวิเคราะห์ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ด้วยเทคโนโลยี AI ช่วยลดเวลาในการประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูลจาก 12 นาที เหลือเพียง 2 นาที เพิ่มประสิทธิภาพและความรวดเร็วในการวินิจฉัยของแพทย์ ระบบให้คำปรึกษาผ่านทางวิดีโอทางไกลที่ขับเคลื่อนด้วย 5G ช่วยลดความขาดแคลนของผู้เชี่ยวชาญในแนวหน้า และเพิ่มประสิทธิผลของการวินิฉัยโรคและการรักษาผู้ป่วยที่อยู่ในภาวะวิกฤต อุปกรณ์ถ่ายภาพความร้อนที่ควบคุมด้วย AI สามารถจับอุณหภูมิความร้อน ช่วยยกระดับการป้องกันการติดเชื้อและการควบคุมดูแลพื้นที่สาธารณะให้ปลอดโรค นอกจากนี้ หัวเว่ยกำลังเดินหน้าจัดหาและส่งมอบหน้ากากอนามัย ชุดตรวจ และอุปกรณ์ป้องกันอื่น ๆ ไปยังหลากหลายประเทศและองค์กรที่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์เหล่านี้

 

ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและในกลุ่มประเทศอาเซียน หัวเว่ยได้ร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ อาทิ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ไทย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ บรูไน บังกลาเทศ กัมพูชา สปป. ลาว และอีกหลายประเทศ เพื่อช่วยดูแลแก้ปัญหาด้านการสื่อสารระหว่างการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาทำให้การเชื่อมต่อและบริการที่สำคัญดำเนินไปได้อย่างราบรื่น

 

เมื่อวันที่ 16 เมษายน ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ของประเทศไทย ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของคณะแพทย์และบุคลากรในการดูแล รักษา และป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด 19 ที่โรงพยาบาลศิริราช พร้อมติดตามผลการใช้งานโซลูชัน AI เพื่อวิเคราะห์โรคโควิด-19 ซึ่งกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและหัวเว่ย ประเทศไทย ได้ส่งมอบให้แก่โรงพยาบาล โดยรัฐบาลไทยมีแผนที่จะนำโซลูชันดังกล่าวไปใช้ในอีกหลายโรงพยาบาลทั่วประเทศ เพื่อเสริมศักยภาพการให้บริการสาธารณสุขและช่วยลดภาระของบุคลากรทางการแพทย์

 

เทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนโดย AI และใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี 5G นี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการวินิฉัยภาพเอกซเรย์ของผู้ป่วยสามารถวินิจฉัยภาพเอกซเรย์ปอดของคนไข้ได้อย่างแม่นยำ จากการเก็บข้อมูลจากดาต้าเบสที่มีภาพเอกซเรย์ของคนไข้กว่า 20,000 ภาพ ซึ่งเป็นผู้ป่วยโควิด-19 กว่า 4,000 ราย นอกจากนี้ ระบบเพื่อการติดต่อสื่อสารทางไกลยังจะช่วยลดการติดเชื้อของบุคลากรทางการแพทย์ ช่วยขยายความสามารถในการควบคุมโรคในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศอีกด้วย

 

“เราอยากให้โรคระบาดสิ้นสุดโดยเร็วที่สุด และหวังว่าผู้ป่วยทุกๆ คนจะได้รับการรักษาและกลับมามีสุขภาพที่แข็งแรงอีกครั้ง การแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นดั่งเครื่องเตือนใจว่าเราทุกคนบนโลกต่างต้องเผชิญความท้าทายนี้ไปพร้อมๆ กัน และเราต้องรวมมือกันเพื่อเอาชนะวิกฤตครั้งนี้ให้ได้ ไวรัสนั้นแพร่กระจายอย่างไม่มีขอบเขต ไม่มีเป้าหมายที่เจาะจง ไม่เลือกชนชาติ สีผิว หรือความยากดีมีจน” นายอีริค สวี ประธานกรรมการบริหารแบบหมุนเวียนตามวาระของหัวเว่ย กล่าว

 

เมล็ดพันธุ์ที่รอดพ้นพายุโหมกระหน่ำย่อมงอกงาม เบ่งบาน และผลิดอกออกผล แม้ตอนนี้เราจะยังไม่รู้ว่าวิกฤตจากโรคระบาดครั้งนี้จะคลี่คลายได้อย่างไร แต่หัวเว่ยเชื่อว่าหากเรารวมกันเป็นหนึ่งเดียว เราก็จะผ่านพ้นความท้าทายครั้งนี้ไปด้วยกัน