นายกฯ แจงพรก.ฉุกเฉิน ยกระดับสูงสุดป้องกันโควิด19 รวมศูนย์สั่งการ

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ออกแถลงการณ์ ผ่านทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ เตรียมประกาศใช้ พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อแก้ปัญหาการแพร่ระบาดจากไวรัสโควิด -19 รวมถึงการดูแลประชาชนจากผลกระทบดังกล่าวในทุกมิติ โดยมีใจความสำคัญว่า แนวโน้มของสถานการณ์ อาจทวีความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อประชาชนในด้านต่างๆ ในฐานะนายกรัฐมนตรี จึงจำเป็นต้องดำเนินมาตรการต่างๆ ให้เข้มข้นมากยิ่งขึ้นเพื่อหยุดการแพร่ระบาด พร้อมกับลดผลกระทบทางเศรษฐกิจ โดยตนเองจะเข้ามาบัญชาการการจัดการกับไวรัสโควิด-19 ในทุกมิติ โดยจะประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วราชอาณาจักร อาศัยอำนาจ ตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ เพื่อควบคุมสถานการณ์การระบาดของโรคติดต่ออันตรายร้ายแรง ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม 2563 เป็นต้นไป เพื่อยกระดับศูนย์บริหารสถานการณ์ การแพร่ระบาดของโรคเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ให้เป็นหน่วยงานพิเศษ เพื่อบูรณาการทุกส่วนราชการและสั่งการทุกส่วนราชการได้อย่างมีเอกภาพ รวดเร็ว โดยมีตนเองเป็นประธานและมีปลัดกระทรวงต่างๆ รับผิดชอบภารกิจด้านต่างๆ เช่น การแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุข ด้านการควบคุมสินค้าและเวชภัณฑ์ ด้านการต่างประเทศและการคุ้มครองช่วยเหลือคนไทยในต่างประเทศ การแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ด้านความมั่นคงการปราบปรามอาชญากรรมทุกประเภทฝ โดยจะประชุมร่วมกันทุกวัน ให้สามารถทำงานสอดประสานไปในทิศทางเดียวกันได้ โดยตนเองหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจะเป็นผู้ชี้แจงรายละเอียดให้กับประชาชน

นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า ภาครัฐอย่างเดียว ไม่สามารถฝ่าวิกฤตไปได้ จึงต้องดึงภาคเอกชนและภาคประชาสังคม เข้ามามีส่วนรวม ภายในหนึ่งสัปดาห์จะกระจายทีมงาน 

ไปทำความเข้าใจปัญหา รับทราบศักยภาพของแต่ละกลุ่ม ยืนยันว่า หากทุกคนร่วมมือกัน จะทำไห้ประเทศไทยผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปได้ ด้วยความดีงามในใจและความสามัคคีของคนไทย ในฐานะนายกรัฐมนตรี ขอให้คำมั่นสัญญากับทุกคนว่า จะเดินหน้าสุดความสามารถเพื่อนำประเทศไทยให้ผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปให้ได้ ขอให้ทุกคนสู้ไปด้วยกันและจะชนะไปด้วยกัน


นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ภายใต้พระราชกำหนดฉบับนี้ จะไม่มีการปิดร้านค้าที่จำหน่ายสิ่งของที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต แต่ข้อกำหนดเหล่านี้  อาจจะสร้างความไม่สะดวกกับประชาชนบ้าง แต่ขอให้ทุกท่านร่วมมือและเสียสละเพื่อส่วนรวม  นอกจากนี้ ขอความร่วมมือสื่อมวลชน นำเสนอข่าวอย่างรับผิดชอบ โดยได้สั่งการให้มีการแถลงข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์และมาตรการต่างๆ รวมถึงคำแนะนำต่อประชาชน เพียงวันละหนึ่งครั้ง เพื่อลดความซ้ำซ้อน นายกรัฐมนตรี ยังเตือนกลุ่มคนที่จะฉวยโอกาส หาผลประโยชน์จากสถานการณ์ในขณะนี้โดยตนเองจะบังคับใช้กฎหมาย เพื่อจัดการอย่างเด็ดขาด