ไทยสมายล์ ขานรับนโยบายคมนาคม “เชื่อมไทย เชื่อมโลก”



นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เดินทางเข้าตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายการดำเนินงานให้แก่ผู้บริหารบริษัท ไทยสมายล์แอร์เวย์ จำกัด โดยมีนายสุเมธ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) นางชาริตา ลีลายุทธ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ไทยสมายล์แอร์เวย์ จำกัด นายวิวัฒน์ ปิยะวิโรจน์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายการพาณิชย์ และรักษาการรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ หน่วยธุรกิจบริการการบินบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) นายณัฐพงศ์ สมิตอำไพพิศาล รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายการเงินและการบัญชี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) พร้อมคณะผู้บริหารระดับสูง ให้การต้อนรับ และร่วมประชุมรับฟังนโยบาย พร้อมรายงานสถานการณ์และนำเสนอแผนปฏิบัติงานของสายการบินไทยสมายล์ร่วมกับการบินไทย ด้วยหลักการบริหารพี่น้องรวมศูนย์ช่วยกันสู้ เพื่อเดินหน้าสร้างความเข้มแข็งธุรกิจการบินของไทย ณ สำนักงานใหญ่ไทยสมายล์ ถนนวิภาวดีรังสิต

นางชาริตา ลีลายุทธ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทไทยสมายล์แอร์เวย์ จำกัด กล่าวรายงานว่า ไทยสมายล์ยังคงยึดมั่นเป้าหมายในการสร้างความแข็งแกร่งให้กับเครือข่ายเส้นทางการบินของการบินไทย บนพื้นฐานการบริหารต้นทุนการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพและอยู่ในระดับที่สามารถแข่งขันในตลาดได้พร้อมก้าวสู่ปีที่ 9 อย่างภาคภูมิ โดยมุ่งวิสัยทัศน์เป็นสายการบินภูมิภาคของคนไทยที่อยู่ในใจทุกคน (Regional Favorite Airline with the Heart of Thai) ซึ่งปัจจุบันสายการบินไทยสมายล์ ให้บริการผู้โดยสารด้วยเครื่องบิน Airbus 320-200 ทั้งหมดรวม 20 ลำ ประกอบด้วยเส้นทางบินภายในประเทศ 11  จุดบิน  1 เส้นทางข้ามภาค ความถี่  245 เที่ยวบินต่อสัปดาห์และเส้นทางระหว่างประเทศ  22 จุดบิน 7 ประเทศ ความถี่ 165 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ พร้อมตอกย้ำความสำเร็จด้วยจุดแข็งขององค์กร ควบคู่ไปกับการวิเคราะห์จุดอ่อน พร้อมแนวทางแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม เช่น ยกระดับชั่วโมงการบิน จัดเส้นทางการบินใหม่ทั้งหมด ทำให้ชั่วโมงบินเพิ่มขึ้นจากเดิม 8.5 ชั่วโมงเป็น 10.5 ชั่วโมงต่อวัน และจะยังคงสร้างสรรค์กิจกรรมเพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุด อาทิ Seasonal Menu รวมกว่า 10 เทศกาลพิเศษให้บริการแก่ผู้โดยสารตลอดทั้งปี ตลอดจนกิจกรรมเพื่อสังคมในทุกมิติอย่างต่อเนื่อง

ในการนี้ นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้มอบนโยบายการดำเนินงานให้แก่ไทยสมายล์ ภายใต้แนวคิด “เชื่อมไทย เชื่อมโลก” ผ่านแนวทาง 1. ลดต้นทุนและเพิ่มรายได้ ด้วยการเพิ่มช่องทางการรับรู้รายได้ไปยังธุรกิจบริการอื่นๆ อาทิ การขนส่งสินค้าหรือการขายสินค้าบนเครื่อง เพิ่มกลยุทธ์ที่แตกต่างจากสายการบินต้นทุนต่ำ เห็นได้ชัดจากภาพลักษณ์การบริการที่ยอดเยี่ยมของไทยสมายล์ อีกทั้งต้องลดต้นทุนด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ เช่น การเพิ่มตารางบินให้มากขึ้น ลดค่าใช้จ่ายเพื่อทำกำไร ควบคู่กับการทำงานร่วมกัน และส่งเสริมใกล้ชิดกับสายการบินไทยทุกด้าน 2. แนวทางการปฏิบัติงานร่วมกันกับองค์กรอื่น อาทิ หาความชัดเจนในการวางแผนเส้นทางบิน ลดขนาดและค่าใช้จ่ายที่ซ้ำซ้อนกับการบินไทย ขณะที่การบริหารต้องให้ได้มาตรฐานเดียวกับการบินไทย  พร้อมเร่งรัดให้ไทยสมายล์ดำเนินแผนการทำงานและแผนฟื้นฟู โดยจะมีการตั้งคณะทำงาน 2 คณะสำหรับผลักดันหรือส่งเสริมนโยบายสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 5 ปี เพื่อให้รัฐวิสาหกิจแข็งแกร่ง ส่วนอีกคณะทำงานจะทำการติดตามตรวจสอบแผนงานต่างๆ ให้ได้ประสิทธิภาพหรือประสิทธิผลตามเป้าหมายที่วางไว้ เพื่อให้องค์กรที่รับผิดชอบทั้งหมด ทำงานแล้วประชาชนพอใจมากที่สุด

ทั้งนี้ นโยบายที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม สอดรับกับแนวทางของบริษัท ไทยสมายล์แอร์เวย์ จำกัดเป็นอย่างมาก โดยไทยสมายล์นำเสนอแผนปรับปรุงรายได้ในระยะยาว โดยมุ่งสู้ด้วยโครงข่ายการตลาด (Network Marketing) ทั้งการวางแผนการตลาด  การขาย และการวางแผนเครือข่ายเส้นทางบินร่วมกับการบินไทยอย่างใกล้ชิด พร้อมร่วมมือกับการบินไทยในด้านรายได้ช่องทางออนไลน์ และรายได้เสริม (Ancillary Revenue) อาทิ ร่วมมือกันผลักดันการขายผ่านตัวแทนจำหน่าย (GSA) ทำการขายร่วมกันกับลูกค้ากลุ่ม บริษัทหรือองค์กรและหน่วยงานราชการ มีการจัดทำส่งเสริมการขาย ระหว่างพาร์ทเนอร์ เช่น บัตรเครดิตหรือโรงแรม ร่วมกับการบินไทย ตลอดจนเข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมการขายและการตลาด ภายใต้แบรนด์ดิ้งเดียวกัน และจัดทำสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ร่วมกัน เป็นต้น อีกทั้งยังเล็งเห็นประโยชน์ของการดำเนินการ Interline  Partner และเที่ยวบินร่วม (Codeshare) กับสายการบินอื่น และยังเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้วยการเข้าร่วมเป็น Star Alliance Connecting Partner ในขณะเดียวกันก็ไม่ละเลยรูปแบบการตลาดใหม่ๆ ด้วยการพัฒนาเว็บไซต์และ Mobile application ให้ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ

นางชาริตา กล่าวต่อว่า ไทยสมายล์มีแผนรัดเข็มขัดเพื่อลดภาวะขาดทุนและเพิ่มกำไรให้กับธุรกิจผ่านการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ ทั้งการบริหารจัดการการใช้น้ำมัน โดยวางแผน Aircraft Rotation บริหารจัดการการเติมน้ำมันสำรอง (Extra Fuel) ให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสม และรณรงค์ให้นักบินปฏิบัติตาม FCTM หัวข้อ Green Operating Procedure  เพื่อประหยัดการใช้น้ำมัน แต่ยังคงไว้ซึ่งมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด พร้อมไปกับการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายการซ่อมบำรุงเครื่องบิน ด้วยการเพิ่มเวลาการใช้งานเครื่องบินและความถี่ในการบินให้เป็นไปตามข้อกำหนดของสัญญาการซ่อมบำรุง เพิ่มประสิทธิภาพการซ่อมบำรุงอากาศยาน และการบริหารระยะเวลาที่เครื่องพร้อมใช้ในฝูงบิน โดยคำนึงถึงการบริหารสัญญาอย่างมีประสิทธิภาพปราศจากความสูญเปล่าในแต่ละขั้นตอนของการปฏิบัติงานร่วมกันกับผู้ให้บริการ และเพิ่มข้อได้เปรียบทางการแข่งขันจากโครงการบูรณาการฝ่ายช่างของไทยสมายล์ และการบินไทย รวมทั้งการปรับปรุงกระบวนการทำงาน พัฒนาระบบ Digital Marketing โดยใช้ Automatic System และ IT มากขึ้น พร้อมทั้งใช้สื่อประชาสัมพันธ์ร่วมกับการบินไทย หรือตามช่องทางที่มีอยู่ หรือช่องทางที่ไม่มีค่าใช้จ่าย ควบคู่ไปกับการแลกเปลี่ยนทรัพยากรร่วมกับการบินไทย

“โครงการในปี 2563 นั้น ไทยสมายล์คาดจะเปิดเส้นทางบินใหม่ กรุงเทพฯ-เสิ่นเจิ้น หากได้ตารางเวลาที่ดีที่สุดและเหมาะสม ส่วนแผนกลยุทธ์และการบริหารจัดการภายในองค์กรนั้น จะมุ่งเน้นไปที่การบริหารจัดการต้นทุนให้อยู่ในระดับที่แข่งขันได้ พร้อมร่วมมือกับการบินไทยอย่างเข้มข้น ทั้งในด้านการบิน โดยจะเชื่อมต่อเส้นทางบินของการบินไทย และทำการบินทดแทนเส้นทางบินของการบินไทยในเส้นทางที่มีความต้องการไม่สูงมากนัก และร่วมมือด้านการขาย เพื่อเพิ่มยอดขายให้เป็นไปตามเป้าหมาย โดยจะเห็นบทบาทความร่วมมือชัดเจนขึ้นจากการดำเนินการเที่ยวบินร่วมกับการบินไทย โดยไทยสมายล์เป็น Marketing Carrier  เพื่อให้ไทยสมายล์สามารถขายเชื่อมต่อกับเที่ยวบินของการบินไทยได้ เป็นต้น” นางชาริตา กล่าวทิ้งท้าย

ข่าวอื่นๆ ที่น่าสนใจ