นายกฯ ย้ำเด็กต้องหมั่นศึกษาหาความรู้ ให้รู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของโลก รู้รักสามัคคี

วันนี้ (11 ม.ค.63) เวลา 08.30 น. ณ บริเวณกระทรวงศึกษาธิการ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา  นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการจัดงานฉลองวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2563 ของกระทรวงศึกษาธิการ จัดขึ้นภายใต้แนวคิด "Wonderful Kids สุดยอดเด็กไทย" มุ่งเน้นให้เด็กและเยาวชนเป็น คนเก่ง คนดี สามัคคี รู้จักหน้าหน้าที่ของตนเอง สอดคล้องกับคำขวัญวันเด็ก "เด็กไทยยุคใหม่ รู้รักสามัคคี รู้หน้าที่พลเมืองไทย" พร้อมชมการแสดงของเด็กและเยาวชน ชุด “เด็กยุคใหม่ จับมือไว้ ก้าวไปด้วยกัน”  โดยมี นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วยคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ คณะผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการ เด็กและเยาวชน ครู ผู้ปกครองเข้าร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก

 โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวส่งความรักและความปรารถนาดีไปยังเด็กและเยาวชนไทยทั่วประเทศ เนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2563 ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ได้มีโอกาสมาพบกับเด็กและเยาวชนเป็นประจำทุกปี โดยย้ำว่ารัฐบาลตระหนักและให้ความสำคัญกับเด็กและเยาวชนทุกคนซึ่งเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าที่จะเติบโตขึ้นเป็นกำลังของชาติในอนาคต เพราะเด็กในวันนี้คือผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า ซึ่งเราต้องทำให้เด็กและเยาวชนไทยมีความเข้มแข็งตั้งแต่วันนี้ในทุกเรื่อง โดยเฉพาะการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพอย่างเหมาะสมตามช่วงวัย ทั้งในด้านทักษะ ความรู้ ความสามารถ และการเรียนรู้ องค์ความรู้ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตในโลกทศวรรษที่ 21 ซึ่งเป็นโลกของเทคโนโลยีและดิจิทัล โดยฝากให้ครูและผู้ปกครองร่วมกันสนับสนุนเด็กและเยาวชนได้มีการพัฒนาทักษะของตนเองอย่างต่อเนื่องตามศักยภาพและความชอบของเด็กแต่ละคน ตลอดจนเสริมสร้างสุขภาวะที่ดีทางร่างกาย จิตใจ และสติปัญญา คุณธรรม จริยธรรม เพื่อให้เด็กและเยาวชนทุกคนเป็นบุคลากรที่สมบูรณ์พร้อมและสามารถนำพาประเทศชาติให้พัฒนาต่อไปได้

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงคำขวัญวันเด็กแห่งชาติ“เด็กไทยยุคใหม่ รู้รักสามัคคี รู้หน้าที่พลเมืองไทย”  ในปีนี้ว่า ต้องการมุ่งหวังให้เด็กและเยาวชนไทยทุกคนได้ตระหนักถึงความสำคัญของการรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของโลกซึ่งเป็นไปตามแนวทางพระราชดำริหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของรัชกาลที่ 9  รวมทั้งต้องหมั่นศึกษาเพื่อพัฒนาความรู้ความสามารถและเพิ่มพูนทักษะที่แต่ละคนสนใจและถนัดอยู่เสมอเพื่อให้สามารถก้าวทันและนำความรู้ที่ได้มาปรับใช้ในการพัฒนาตนเองและสังคม เพื่อให้บ้านเมืองเกิดการพัฒนาทุกพื้นที่และทุกจังหวัดอันจะนำไปสู่การลดความเหลื่อมล้ำในสังคม รวมทั้งเด็กและเยาวชนไทยทุกคนต้องบ่มเพาะคุณธรรม จริยธรรม และความรักความสามัคคีให้เกิดขึ้นในจิตใจของตนเองเสมอและแบ่งปันเอื้อเฟื้อให้แก่คนรอบข้าง ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการสร้างสังคมที่มีแต่สงบสุขในอนาคต ขณะเดียวกันเด็กและเยาวชนทุกคนต้องรู้จักบทบาทหน้าที่ของตนในฐานะที่เป็น “พละกำลังของชาติบ้านเมือง” ในการทำคุณประโยชน์ให้แก่บ้านเมืองตามกำลังความสามารถของตน โดยยึดมั่นในระเบียบวินัย และเป็นผู้มีจิตสาธารณะ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ผู้อื่นตามโอกาสอันสมควร



อย่างไรก็ตามการจะพัฒนาให้เด็กและเยาวชนเป็นบุคลากรที่ทรงคุณค่าได้นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่ทุกคนที่จะช่วยกันปลูกฝังค่านิยมในความเป็นไทย และบอกเล่าเรื่องราวถึงประวัติศาสตร์ชาติไทยให้เด็กได้ตระหนักสำนึกรู้ถึงคุณค่าแห่งความเป็นมาของชาติไทยจนถึงปัจจุบัน ตัวอย่างเช่นเรื่องของพันท้ายนรสิงห์ ซึ่งเป็นผู้ที่ยึดมั่นในความซื่อสัตย์ กฎระเบียบ กติกา และกฎหมาย สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้จะสามารถช่วยกระตุ้นให้เด็กและเยาวชนมีแรงขับเคลื่อนไปข้างหน้าและรู้จักคิดวิเคราะห์เป็นระบบ รวมทั้งสอนในเรื่องการ มีคุณธรรม จริยธรรม รักชาติ ศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์ พร้อมย้ำให้เด็กเยาวชนตระหนักและรู้จักสำนึกในพระคุณของพ่อแม่ที่เลี้ยงดูให้เติบโตขึ้นมา และประพฤติตนให้เป็นแบบอย่างในการดำรงชีวิต เพื่อช่วยกันสร้างให้ทรัพยากรมนุษย์เหล่านี้ เติบโตขึ้นอย่างแข็งแรงและสวยงามต่อไป

          จากนั้น  นายกรัฐมนตรี ได้ร่วมร้องเพลง “ศรัทธา” กับเด็กและเยาวชนบนเวที ก่อนเดินทักทายพบปะเด็กและเยาวชนและถ่ายภาพเซลฟี่อย่างเป็นกันเอง พร้อมมอบของขวัญให้แก่เด็กและเยาวชนที่มาร่วมงาน ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความอบอุ่นและสนุกสนาน พร้อมเยี่ยมชมบูธนิทรรศการของภาครัฐและเอกชนที่จัดแสดงไว้ โดยรูปแบบการจัดงานแบ่งเป็น 3 โซนหลักในธีม "Fun Thinking & Doing" สนุกคิด สนุกทำ คือ โซนที่ 1 Citizen Kids: พลเมืองเด็กดี โซนที่ 2 Digital Kids : เด็กยุคดิจิทัล และโซนที่3 Environmental Kids: เด็กรักสิ่งแวดล้อม