ประวิตร ยัน เข้ามาดูแลแก้ปัญหาทำประมงผิดกม. เพื่อไม่ให้ไทยกลับไปได้ใบเหลือง

พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มอบหมายให้เข้ามารับผิดชอบงานด้านการทำประมงผิดกฎหมายแทนนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ว่า เป็นการมาวานต่องานที่ตนเองเคยดูแลเรื่องการทำประมงมาตั้งแต่ 4 ปีก่อนแล้ว จนไทยได้ใบเขียวในการทำการประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม หรือ IUU แต่ขณะนี้ทางสหภาพยุโรป หรืออียู พบว่ามีปัญหาการประมงของไทย จึงต้องเข้ามาดูแลต่อ เพื่อให้ทุกฝ่ายปฏิบัติตามระเบียบข้อกฏหมายอย่างเคร่งครัด ป้องกันไม่ให้ไทยกลับไปได้ใบเหลืองอีกครั้ง รวมถึงเป็นการระมัดระวังไม่ให้เกิดเหตุเหมือนเช่นประเทศปานามา ที่ได้ใบเขียวเพียงแค่ 8 เดือนเท่านั้น มิเช่นนั้นประมงไทยจะเดือดร้อน อย่างไรก็ตามยืนยันว่าการทำประมงพื้นบ้านกว่า 5 หมื่นลำไม่มีปัญหา มีแต่ประมงพาณิชย์ที่อาจจะได้รับความเดือดร้อน พร้อมย้ำว่าไม่ได้ขัดแย้งกันภายในพรรคร่วมรัฐบาลอย่างแน่นอน

ส่วนสถานการณ์ภัยแล้ง พลเอก ประวิตร ให้ความมั่นใจว่า รัฐบาลสามารถรับมือได้ โดยขณะนี้มีน้ำเพียงพอต่อการอุปโภค-บริโภคอย่างแน่นอน ทั้งน้ำใต้ดินและน้ำบนดิน โดยคาดว่าจะสามารถใช้ได้ถึงเดือนกรกฏาคมนี้ แต่น้ำเพื่อใช้สำหรับภาคการเกษตรนั้น ขณะนี้มีปริมาณไม่เพียงพอ ดังนั้นรัฐบาลจึงแก้ปัญหาด้วยการขุดบ่อบาดาลกว่า 500 บ่อทั่วประเทศ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ซึ่งยืนยันว่าไม่ส่งผลกระทบต่อปัญหาดินทรุดตัวโดยเฉพาะพื้นที่กรุงเทพมหานครและขอความร่วมมือเกษตรกรให้ปรับเปลี่ยนการเพาะปลูก เพราะไม่สามารถทำนาปรังในช่วงเวลานี้ได้ อย่างไรก็ตามเป็นห่วงภัยแล้งในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมากที่สุด

ทั้งนี้จะใช้งบประมาณฉุกเฉินประมาณ 3 พันล้านบาท ในการแก้ปัญหาภัยแล้ง ส่วนการผลักดันน้ำเค็มเพื่อไม่ให้กระทบต่อการผลิตน้ำประปานั้น ขณะนี้ยอมรับว่าทำได้ยาก เนื่องจากน้ำในการผลักดันน้ำเค็มมีปริมาณไม่เพียงพอ เนื่องจากปีนี้มีน้ำน้อยกว่าปกติ