สธ. กำชับสถานพยาบาลดูแลผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคใต้

กระทรวงสาธารณสุขกำชับสถานพยาบาลพื้นที่ภาคใต้  เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลันจากฝนตกหนัก ดูแลประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง ขณะนี้ทุกแห่งเปิดให้บริการได้ตามปกติ

นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า นายกรัฐมนตรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข มีความห่วงใยประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วมจังหวัดนราธิวาส ได้สั่งการสถานพยาบาลทุกแห่งให้การดูแลผู้ประสบภัยตลอด 24 ชั่วโมง สำรองยาและเวชภัณฑ์ให้เพียงพอ ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ย้ายเครื่องมือและอุปกรณ์การแพทย์ขึ้นที่สูง ออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ให้บริการประชาชนในพื้นที่น้ำท่วมสูง เช้าวันนี้ (3 ธันวาคม 2562) ได้รับรายงานจากนายแพทย์วิเศษ สิรินทรโสภณ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส ว่า สถานพยาบาลทุกแห่งเปิดให้บริการได้ตามปกติ ได้ส่งหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกให้บริการประชาชนร่วมกับทีมอำเภอทั้ง 10 อำเภอ และแจกยาชุดน้ำท่วมกว่า 3,000 ชุด เยี่ยมบ้านผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดบ้านติดเตียง ผู้ป่วยโรคเบาหวาน หัวใจ ความดันโลหิตสูง ไม่ให้ขาดยา และสำรวจกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ที่กำหนดคลอดเดือนธันวาคมที่บ้านน้ำท่วม ไม่สามารถเดินทางมาโรงพยาบาลได้ เพื่อเตรียมให้การช่วยเหลือ

      “ขอให้ประชาชนดูแลสุขภาพ รักษาร่างกายให้อบอุ่น ดูแลบุตรอย่างใกล้ชิด ระวังไม่ปล่อยให้เด็กเล่นน้ำตามลำพัง หากเกิดการเจ็บป่วย เช่น ถูกสิ่งของมีคมในน้ำบาด โรคน้ำกัดเท้า ผิวหนังจะระคายเคือง เปื่อยและเป็นแผล ขอให้รีบล้างทำความสะอาดเท้าและเช็ดให้แห้งทุกครั้งหลังลุยน้ำท่วม หากบาดแผลมีอาการอักเสบ บวมแดง มีหนอง หรือเนื้อที่ขอบแผลมีลักษณะซีด หรือเป็นหวัดมีไข้ กินยาลดไข้แล้วอาการไม่ดีขึ้นภายใน 2 วัน ให้รีบไปพบแพทย์ที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน หากเจ็บป่วยฉุกเฉินโทรแจ้งสายด่วน 1669 ตลอด 24 ชั่วโมง” นายแพทย์สุขุมกล่าว


      นายแพทย์สุขุมกล่าวต่อว่า ในช่วงวันที่ 3-10 ธันวาคม 2562 หลายพื้นที่ในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศหนาวเย็น รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล อุณหภูมิจะลดลง สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง ขอให้ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง รับประทานอาหารที่มีประโยชน์อย่างเพียงพอ ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และพักผ่อนให้เพียงพอ โดยเฉพาะเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคประจำตัว ขอให้รักษาความอบอุ่นของร่างกาย ป้องกันการเจ็บป่วยจากไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่