อัยการภาค7สั่งฟ้องเปรมชัยพร้อมพวก6ข้อหา

นางสมศรี วัฒนไพศาล อธิบดีอัยการภาค7 กล่าวว่า อัยการภาค7มีความเห็นสั่งฟ้องนายเปรมชัย ใน 6 ข้อหา ประกอบด้วย ข้อหาร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมือง โดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุสมควร ,ข้อหาร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต ,ข้อหาร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยมิได้รับอนุญาต ,ข้อหาร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากสัตว์ป่าคุ้มครองโดยมิได้รับอนุญาต ,ข้อหาร่วมกันช่วยซ่อนเร้นซึ่งซากสัตว์ป่าอีนได้มาโดยการกระทำผิดกฎหมาย,ข้อหาร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต และสั่งไม่ฟ้อง 5 ข้อหา ประกอบด้วย ข้อหาร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ,ข้อหาร่วมกันเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต ,ข้อหาร่วมกันมีเครื่องมือสำหรับการล่าสัตว์ป่า , ข้อหาร่วมกันพยายามล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต และข้อหาร่วมกันกระทำการทารุณสัตว์โดนไม่มีเหตุอันควร

 

ส่วนนายยงค์ โดดเครือ คนขับรถ มีความเห็นสั่งฟ้องเหมือนกับเปรมชัย แต่เพิ่มข้อหาร่วมกันมีปืนและกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต   และนายธานี ทุมมาศ มีความเห็นสั่งฟ้องเหมือนนายเปรมชัย แต่เพิ่ม 2 ข้อหา คือ มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และข้อหาพยายามล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า โดยไม่ได้รับอนุญาต

 

ส่วนนางนที เรียมแสน มีความเห็นสั่งฟ้อง5ข้อหา ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ,ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุสมควร  ,ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากสัตว์ป่าคุ้มครองโดยมิได้รับอนุญาต ,ร่วมกันช่วยซ่อนเร้นซึ่งซากสัตว์ป่าอันได้มาโดยการกระทำผิดกฎหมาย และร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต

 

นอกจากนี้พนักงานอัยการภาค7 ได้เรียกค่าเสียหายจาก ผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ให้ชดใช้ค่าเสียหาย ตามที่เคยมีการสั่งซื้อเสือดำที่สวนสัตว์เชียงใหม่ เมื่อปี 2549 ในราคา 462,000 บาท ส่วนการเรียกร้องค่าเสียหายตาม พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม ต้องดำเนินการฟ้องร้องทางแพ่งต่อไป ซึ่งขณะนี้พนักงานอัยการภาค 7 ได้ส่งสำนวนคดีกลับไปให้ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เพื่อให้พิจารณาว่ามีความเห็นชอบกับพนักงานอัยการหรือไม่ หากเห็นชอบก็จะส่งสำนวนคดีกลับมาให้พนักงานอัยการภาค 7 ยื่นฟ้องต่อศาลภายใน 1-2 วัน แต่หากมีความเห็นแย้งก็จะต้องส่งสำนวนให้สำนักอัยการสูงสุดเป็นผู้ชี้ขาด