อีสานโพล ผลสำรวจเรื่อง “พรรคการเมืองในฝันของคนอีสาน”
วันนี้ (22 มีนาคม 2561) อีสานโพล (E-Saan Poll) ศูนย์วิจัยธุรกิจและเศรษฐกิจอีสาน (ECBER) คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เผยผลสำรวจเรื่อง “พรรคการเมืองในฝันของคนอีสาน” พบกลุ่มตัวอย่างคนอีสานมากกว่าร้อยละ 80 เห็นว่าเลือกตั้ง สส. ภายในปี 2561 เหมาะสมที่สุด โดยจุดเด่นที่ต้องการให้พรรคการเมืองมีมากที่สุดคือ มีผู้นำพรรคที่บริหารประเทศเก่งโดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ ผู้นำพรรคมีจริยธรรมสูง/เป็นแบบอย่างที่ดีของสังคม มีนโยบายและความมุ่งมั่นในการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยและมุ่งมั่นแก้ปัญหาทุจริตของชาติอย่างจริงจัง และมีทีมงานและผู้สมัคร สส. ที่มีจริยธรรมสูง/เป็นแบบอย่างที่ดีของสังคม ทั้งนี้ยังไม่มีว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใดสามารถครองใจคนอีสานได้เกินครึ่ง และพรรคเพื่อไทยยังคงได้รับความนิยมสูงสุดในภาคอีสาน อย่างไรก็ตามกลุ่มที่ยังรอพรรคทางเลือกหรือยังไม่ตัดสินใจยังมีสัดส่วนที่สูง
ผศ.ดร.สุทิน เวียนวิวัฒน์ หัวหน้าโครงการอีสานโพลเปิดเผยว่า การสำรวจนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจความคิดเห็นคนอีสานในประเด็นจุดเด่นของพรรคการเมืองที่คนอีสานต้องการ เพื่อเป็นแนวทางให้พรรคการเมืองต่างๆ นำไปประยุกต์ใช้ปรับปรุงจุดเด่นและจุดด้อยของพรรคการเมืองให้ตรงกับความต้องการของคนอีสานต่อไป โดยทำการสำรวจระหว่างวันที่ 16-19 มีนาคม 2561 จากกลุ่มตัวอย่างอายุ 18 ปีขึ้นไป จำนวน 1,190 ราย ในเขตพื้นที่ภาคอีสาน 20 จังหวัด
เมื่อสอบถามกลุ่มตัวอย่างว่า การจัดเลือกตั้ง สส. ช่วงใดเหมาะสมที่สุด พบว่า ประมาณครึ่งหนึ่งหรือร้อยละ 50.5 เห็นว่าควรจัดเลือกตั้ง ส.ส. ในช่วง พ.ค.-ส.ค. 61 รองลงมาร้อยละ 31.8 ควรจัดช่วง ก.ย.-ธ.ค. 61 ตามมาด้วย ร้อยละ 12.9 ควรจัดช่วง ม.ค.-เม.ย. 62 ร้อยละ 3.5 ควรจัดช่วง พ.ค.-ส.ค. 62 และร้อยละ 1.3ควรจัดช่วงปลายปี 62 หรือนานกว่านั้น โดยสรุปกลุ่มตัวอย่างคนอีสาน ร้อยละ 82.3 คิดว่าการจัดเลือกตั้ง สส. ภายในปี 2561 เหมาะสมที่สุด
เมื่อสำรวจความต้องการจุดเด่นของพรรคการเมืองในฝันที่กลุ่มตัวอย่าง ต้องการให้พรรคการเมืองมี โดยมีตัวเลือกจุดเด่นต่างๆ 19 รายการ และระดับความต้องการ 5 ระดับ ตั้งแต่น้อยที่สุดไปจนถึงมากที่สุด (โดยเลือกระดับมากที่สุดได้ไม่เกิน 5 รายการ เพื่อสะท้อนความต้องการที่แท้จริงของกลุ่มตัวอย่างออกมาให้ได้มากที่สุด) จากการประมวลผล โดยให้คะแนนเต็ม 100 หมายถึง ทุกคนต้องการจุดเด่นดังกล่าวมากที่สุด และศูนย์คะแนน หมายถึง ทุกคนต้องการจุดเด่นดังกล่าวน้อยที่สุด เป็นดังนี้
จุดเด่นของพรรคการเมืองที่ต้องการ |
คะแนน |
1) มีหัวหน้าพรรคที่บริหารประเทศเก่ง โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ |
90.8% |
2) มีหัวหน้าพรรคที่มีจริยธรรมสูง/เป็นแบบอย่างที่ดีของสังคม |
81.7% |
3) มีนโยบายและความมุ่งมั่นในการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย |
81.2% |
4) มีนโยบายและความมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาทุจริตของชาติอย่างจริงจัง |
80.0% |
5) มีทีมงานและผู้สมัคร สส. ที่มีจริยธรรมสูง/เป็นแบบอย่างที่ดีของสังคม |
79.4% |
6) มีทีมงานและผู้สมัคร สส. ที่เก่งและมีความเชี่ยวชาญหลากหลาย |
78.2% |
7) มีนโยบายและความมุ่งมั่นที่จะปฏิรูประบบราชการ/กระบวนการยุติธรรม |
77.2% |
8) เป็นพรรคขนาดใหญ่ที่มีพลังในการกำหนดทิศทางการพัฒนาประเทศ |
75.8% |
9) ต่อต้านการแจกเงิน/สิ่งของเพื่อซื้อเสียงอย่างจริงจัง |
74.0% |
10) นักการเมืองของพรรคขยันลงพื้นที่เพื่อรับฟังและแก้ปัญหา |
73.8% |
11) มีนโยบายและความมุ่งมั่นที่จะทำระบบรัฐสวัสดิการ |
73.3% |
12) เปิดกว้างให้คนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถเข้ามาทำงานการเมือง |
72.8% |
13) มีนโยบายและความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนประชาธิปไตยตามแนวทางสากล |
71.8% |
14) มีโครงสร้างพรรคที่สมาชิกพรรคมีส่วนร่วม ไม่ใช่ของกลุ่มคนใดกลุ่มคนหนึ่ง |
70.3% |
15) มีนโยบายและความมุ่งมั่นที่จะกระจายอำนาจให้จังหวัดและท้องถิ่น |
70.2% |
16) มีนโยบายและความมุ่งมั่นในการช่วยเหลือธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก |
68.8% |
17) ให้อิสระ สส. อย่างเต็มที่ ในการลงมติและแสดงความคิดเห็นที่ต่างจากพรรค |
68.7% |
18) มีนโยบายและความมุ่งมั่นในการช่วยเหลือชนชั้นกลาง |
68.6% |
19) สส. และข้าราชการการเมืองของพรรคไม่รับเงินเดือนและเบี้ยประชุม |
67.2% |
หมายเหตุ: คะแนนเต็ม 100 หมายถึง ทุกคนต้องการจุดเด่นดังกล่าวมากที่สุด และศูนย์คะแนน หมายถึง ทุกคนต้องการจุดเด่นดังกล่าวน้อยที่สุด
เมื่อสำรวจถึงผู้ที่เหมาะสมดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนต่อไป พบว่า จากการเสนอ 12 รายชื่อผู้ที่มีแนวโน้มจะถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีให้กลุ่มตัวอย่างพิจารณา นั้น ยังไม่มีใครสามารถครองใจคนอีสานได้เกินครึ่ง ทั้งนี้อาจเป็นไปได้ว่าคนอีสานต้องการผู้นำที่มีภาพลักษณ์บริหารประเทศเก่งโดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ มีจริยธรรมสูง/เป็นแบบอย่างที่ดีของสังคม มีความมุ่งมั่นในการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย และมุ่งมั่นแก้ปัญหาทุจริตของชาติอย่างจริงจัง ซึ่งคุณสมบัติโดยรวมดังกล่าวค่อนข้างหาได้ยากในสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งคะแนนของทั้ง 12 ว่าที่นายกรัฐมนตรีเป็นดังนี้
รายชื่อที่ถูกคาดหมายได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี |
เหมาะสม |
ไม่เหมาะสม |
ไม่รู้จัก/ ไม่แน่ใจ |
1) คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ |
35.2% |
61.8% |
3.0% |
2) นายจาตุรนต์ ฉายแสง |
34.9% |
61.6% |
3.5% |
3) นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ |
34.3% |
62.1% |
3.5% |
4) พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา |
24.1% |
73.4% |
2.5% |
5) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ |
22.0% |
76.6% |
1.4% |
6) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ |
19.7% |
62.3% |
17.9% |
7) นายชวน หลีกภัย |
13.7% |
82.7% |
3.5% |
8) นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย |
12.3% |
63.9% |
23.7% |
9) นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ |
11.1% |
67.5% |
21.4% |
10) นายศุภชัย พานิชภักดิ์ |
10.2% |
67.8% |
22.0% |
11) นายอนุทิน ชาญวีรกุล |
9.4% |
65.9% |
24.7% |
12) นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ |
9.2% |
70.7% |
20.1% |
สุดท้ายเมื่อสำรวจถึงแนวโน้มที่กลุ่มตัวอย่างจะสนับสนุนพรรคการเมืองในการเลือกตั้งครั้งหน้า พบว่า อันดับหนึ่งร้อยละ 42.9 จะสนับสนุนพรรคเพื่อไทย รองลงมา ร้อยละ 38.3 เป็นกลุ่มสนับสนุนพรรคทางเลือกอื่นๆ หรือยังไม่ตัดสินใจเลือกพรรคใด ตามมาด้วย ร้อยละ 7.2 สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ ร้อยละ 6.4 สนับสนุนพรรคที่สนับสนุนพลเอกประยุทธ์ ร้อยละ2.4 สนับสนุนพรรคภูมิใจไทย ร้อยละ 2.0 สนับสนุนพรรคชาติพัฒนา และ ร้อยละ 0.7 สนับสนุนพรรคชาติไทยพัฒนา