ผบก.กองปราบเผยคืบคดีหวย30ล.

วันนี้ ( 8 ก.พ.) พลตำรวจตรีไมตรี ฉิมเฉิด ผู้บังคับการกองปราบปราม กล่าวถึงความคืบหน้าในคดีสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ถูกรางวัลมูลค่า 30 ล้าน โดยล่าสุดจากการลงพื้นที่ของรองผู้บังคับการกองปราบปรามและชุดสืบสวนสอบสวนกองกำกับการ 5 ที่จังหวัดกาญจนบุรีเมื่อวานนี้  ทราบว่ามีความคืบหน้าทางคดีไปมากในระดับหนึ่งแต่ยังไม่สามารถตีเป็นเปอร์เซ็นต์ได้ เนื่องจากจะเป็นการกดดันคณะทำงานในคดีนี้ จากการลงพื้นที่พบพยานหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่สามารถตรวจสอบได้เพิ่มเติมอีกจำนวนหนึ่ง แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดของพยานหลักฐานได้  แต่ยืนยันว่าได้ข้อมูลที่เป็นจำนวนมากและเป็นประโยชน์อย่างมากต่อรูปคดี ซึ่งสามารถยืนยันความน่าเชื่อถือ และคำให้การของพยานบุคคล 2 คน ฝั่งนายปรีชาได้อย่างชัดเจน  แต่จะเป็นข้อมูลที่นายปรีชาได้ประโยชน์หรือเสียประโยชน์นั้นยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ 

กรณีการเรียกพยานบุคคลที่เคยให้ให้ปากคำกับชุดสืบสวนสอบสวนของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 จำนวน 40 กว่าปาก ขณะนี้พนักงานสอบสวนของกองปราบปรามยังไม่สามารถเรียกพยานบุคคล ที่เข้าให้ปากคำก่อนหน้านี้มาสอบสวนได้เนื่องจากยังไม่มีการโอนสำนวนมาจากกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7ที่กองบังคับการปราบปราม เนื่องจากขั้นตอนการลงนามในหนังสือคำสั่งการโอนย้ายคดียังมาไม่ถึงที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ทั้งนี้หากมีหนังสือมาอย่างเป็นทางการตนเองจะเดินทางไปรับสำนวนจากกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ด้วยตนเอง ก่อนจะนำข้อมูลในสำนวนการสอบสวนมาดำเนินการตรวจสอบคำให้การของพยานทั้ง 40 ปากต่อไป 

ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวลือว่านางรัตนาภรณ์แม่ค้าขายลอตเตอรี่ให้ครูปรีชาและร้อยตำรวจโทจรูญ ถูกนำไปสอบสวนอย่างละเอียดและถูกจับตัวไว้นั้น ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เนื่องจากรูปแบบการทำงานของตำรวจกองปราบปรามไม่มีรูปแบบในลักษณะดังกล่าว ทุกข์ขั้นตอนการปฏิบัติงานเป็นขั้นตอนที่เปิดเผยและสามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ 

ส่วนกรณีที่นายษิทธา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมทนายความของร้อยตำรวจโทจรูญ โพสต์ข้อความในเทพบาร์เมื่อตำรวจกองปราบปรามเข้ามารับผิดชอบคดีต่อจากกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ขอให้สอบสวนครูปรีชาเป็นคนแรกและขอให้สอบในประเด็นต่างๆรวม 9 ประเด็น อีกทั้งยังท้าทายให้ครูปรีชาเลือกคำตอบที่เคยออกทีวีช่องใดก็ได้มาให้การ1 ช่องที่นายปรีชาชอบมากที่สุดมาให้ปากคำกับตำรวจ ซึ่งตนจะนำเอาคำให้สัมภาษณ์ของนายปรีชาแต่ละครั้งมาเปรียบเทียบกับคำให้การเดิมซึ่งถือว่าเป็นคำให้การที่ไม่น่าเชื่อถือและพนักงานสอบสวนไม่ควรรับฟังซึ่งข้อมูลดังกล่าวไม่น่าจะส่งฟ้องได้รวมถึงจะแจ้งข้อกล่าวหาแก่ร้อยตำรวจโทจรูญก็ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้

พันตำรวจเอกชาคริต สวัสดี รองผู้บังคับการกองปราบปราม หนึ่งในชุดพนักงานสอบสวนเปิดเผยว่า ประเด็นดังกล่าวที่ทนายความของร้อยตำรวจโทจรูญโพสต์ใน Facebook ทั้ง 9 ประเด็น เป็นประเด็นคำถามที่พนักงานสอบสวนของกองปราบปรามต้องดำเนินการอยู่แล้ว ซึ่งเป็นหลักในเบื้องต้นของพนักงานสอบสวน 9 ประเด็นที่ทนายความคนดังกล่าวโพสต์แล้ว ยังมีประเด็นคำถามอีกจำนวนมากที่ต้องสอบสวนครูปรีชา และพยานบุคคลรายอื่นๆ ซึ่งเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนที่จะต้องสอบสวนคำให้การของทุกคนอย่างละเอียดอยู่แล้ว และยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย