ประวิตร ย้ำแผนปฏิบัติการพิสูจน์สัญชาติแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ สำเร็จได้ต้องร่วมมือกัน

วันนี้ (2 กุมภาพันธ์ 2561) เวลา 10.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประวิตร  วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมสัมมนาแถลงแผนปฏิบัติการสนับสนุนการพิสูจน์สัญชาติแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ และดำเนินการออกใบอนุญาตทำงานให้ถูกต้องตามกฎหมาย พร้อม พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงรงงาน นายจรินทร์ จักกะพาก ปลัดกระทรวงแรงงาน นายอนุรักษ์ ทศรัตน์ อธิบดีกรมการจัดหางาน ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงแรงงาน ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัด เอกอัครราชทูตเมียนมาประจำประเทศไทย ทูตแรงงานกัมพูชาประจำประเทศไทย อัครรัฐทูต สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ประจำประเทศไทย องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) และองค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (IOM) ร่วมประชุม

โอกาสนี้ พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวเปิดเผยว่า รัฐบาลภายใต้การนำของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้มีคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 33/2560 ผ่อนผันให้แรงงานต่างด้าว จำนวน 1,999,240 คน ดำเนินการขึ้นทะเบียนประวัติ และพิสูจน์สัญชาติให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งปัจจุบันได้พิสูจน์สัญชาติไปแล้ว 1,187,411 คน คงเหลือยังไม่ได้พิสูจน์สัญชาติอีก 811,829 คน อันเนื่องมาจากความล่าช้าในการบริหารจัดการและข้อจำกัดในการดำเนินการของประเทศต้นทาง รวมทั้งขาดฐานข้อมูลที่เป็นเอกภาพและขาดการประสานงานระหว่างหน่วยงานและระหว่างประเทศต้นทาง ซึ่งจำเป็นต้องปรับแนวทางการปฏิบัติงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ต่อมาเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2561 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการพิสูจน์สัญชาติแรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา ออกไปจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2561 เพื่อรองรับกับมติคณะรัฐมนตรีข้างต้น กระทรวงแรงงานจึงได้จัดทำแผนปฏิบัติการสนับสนุนการพิสูจน์สัญชาติแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ  (กัมพูชา ลาว และเมียนมา) และดำเนินการออกใบอนุญาตทำงานให้ถูกต้องตามกฎหมาย หรือตรีเทพ ของคณะกรรมการนโยบายการจัดการปัญหาแรงงานต่างด้าวและการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน (กนร.) ซึ่งพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน กนร. ได้เห็นชอบแผนดังกล่าว และได้มอบนโยบายให้ทุกหน่วยงานบูรณาการความร่วมมือในการปฏิบัติ เพื่อขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการตรีเทพให้บรรลุวัตถุประสงค์ โดยกระทรวงแรงงานมีแนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการเพื่อให้เกิดความสะดวก ลดระยะเวลา ลดขั้นตอน และดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพและโปร่งใส ดังนี้  
          1. จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการการบริหารจัดการเพื่อการทำงานของคนต่างด้าว (ศปก.บต.รง.) ในส่วนกลาง ซึ่งมีปลัดกระทรวงแรงงานเป็นผู้อำนวยการศูนย์ มีอำนาจหน้าที่ในการกำกับ ติดตาม การดำเนินการของศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ (One Stop Service: OSS) และ ศูนย์ปฏิบัติการการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวจังหวัดในภาพรวมของประเทศ 
          2. จัดตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการการทำงานของแรงงานต่างด้าวในประเทศไทยจังหวัด (กตจ.) ซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน สำหรับกรุงเทพมหานครมีอธิบดีกรมการจัดหางานเป็นประธานมีอำนาจหน้าที่ในการกำกับ ติดตาม การดำเนินการของศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ (One Stop Service: OSS) และ ศูนย์ปฏิบัติการการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวจังหวัด ในระดับจังหวัด
          3. จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวกรุงเทพมหานคร (ศปก.บต.กทม.) จำนวน 2 ศูนย์ และศูนย์ปฏิบัติการการบริหารจัดการเพื่อการทำงานของคนต่างด้าวจังหวัด (ศปก.บต.จว.) ในส่วนภูมิภาค อีกจำนวน 11 ศูนย์ เพื่อดำเนินการพิสูจน์สัญชาติ โดยมีผู้ตรวจราชการระดับกรมที่ปลัดกระทรวงแรงงานแต่งตั้งเป็นผู้อำนวยการศูนย์ (CEO)
          4. จัดตั้งศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ (One stop service : OSS) ในกรุงเทพมหานคร โดยมี อธิบดีกรมการจัดหางานเป็นผู้อำนวยการศูนย์และในทุกจังหวัด เพื่อทำหน้าที่จัดทำหรือปรับปรุงทะเบียนประวัติและขออนุญาตทำงาน โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้อำนวยการศูนย์ (CEO)
          5. ประสานความร่วมมือกับ เอกอัครราชทูตกัมพูชา ลาว และเมียนมา ในการบริหารจัดการการพิสูจน์สัญชาติให้เกิดประสิทธิภาพ โดยการเพิ่มเจ้าหน้าที่ อุปกรณ์ เครื่องมือในการดำเนินการ


รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวเพิ่มเติมว่า แผนปฏิบัติการตรีเทพจะทำให้การพิสูจน์สัญชาติเป็นไปอย่างรวดเร็ว และมีฐานข้อมูลแรงงานต่างด้าวที่เป็นเอกภาพครบถ้วน โดยการดำเนินการดังกล่าวเป็นการปฏิบัติงานแบบบูรณาการร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการต่างประเทศ ภาคเอกชน รวมทั้งประเทศต้นทาง เพื่อให้แรงงานต่างด้าวที่ทำงานในประเทศไทยเป็นแรงงานที่เข้าเมืองและทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งส่งผลให้การบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวที่ทำงานในประเทศไทยได้รับการยอมรับในระดับสากลต่อไป

จากนั้น รองนายกรัฐมนตรี ได้ขึ้นกล่าวบนเวทีว่า ตามแผนปฏิบัติการสนับสนุนการพิสูจน์สัญชาติแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ และดำเนินการออกใบอนุญาตทำงานให้ถูกต้องตามกฎหมาย (ตรีเทพ) ที่อนุมัติไปนั้น แผนการปฏิบัติฯ จะสำเร็จได้ต้องเกิดจากการบูรณาการและการทำงานร่วมกันของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย่างจริงจัง ทำงานอย่างเป็นระบบไม่มีการทุจริตหรือแสวงประโยชน์ใด ๆ และจะต้องให้แล้วเสร็จ ภายในเวลาที่กำหนด เพื่อให้การปฏิบัติงานตามแผนเป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงให้ทุกหน่วยงานถือปฏิบัติดังนี้ 1. ให้หน่วยงานทุกหน่วยงานร่วมมือกันปฏิบัติ โดยทำให้เกิดความสะดวก ลดขั้นตอน ลดเวลา และไม่มีการเรียกรับผลประโยชน์ ทำให้เกิดความพึงพอใจแก่ผู้ใช้บริการ 2. ให้หัวหน้าส่วนราชการทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคเป็นหลักในการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการ โดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง 3. ประสานขอความร่วมมือจากท่านเอกอัครราชทูต เมียนมา ลาว กัมพูชา ในการบริหารศูนย์พิสูจน์สัญชาติ ให้เกิดประสิทธิภาพโยอาจต้องมีการปรับย้ายศูนย์กับระบบการจัดการภายในศูนย์ ตลอดจนเพิ่มเจ้าหน้าที่และเครื่องมือให้เพียงพอต่อปริมาณงานในแต่ละวัน

ทั้งนี้ ฝ่ายไทยจะให้การสนับสนุนต่อการดำเนินการดังกล่าว เพื่อให้เกิดศักยภาพเพียงพอในการรองรับปริมาณงานให้แล้วเสร็จภายในเวลาที่กำหนด รองนายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำว่าการปฏิบัติการแผนตรีเทพนี้ จะสำเร็จได้ต้องเกิดจากความร่วมมือ และการทำงานร่วมกันจากทุกฝ่าย ขอให้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานตั้งใจปฏิบัติตามที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มความสามารถ โดยจะติดตามความสำเร็จของแผนตรีเทพนี้ตลอดเวลา พร้อมกล่าวขอบคุณทุกภาคส่วนที่ทุ่มเทเสียสละทำงานด้านการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ ด้านแรงงานมาโดยตลอด หากสามารถลดปัญหาการค้ามนุษย์ด้านแรงงานลงได้ ผลสำเร็จนี้ มิใช่เป็นผลสำเร็จของเราเพียงฝ่ายเดียว แต่จะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจสังคม ความมั่นคง รวมทั้งความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างยั่งยืนต่อไป