รมว.สธ. เผยองค์กรอนามัยโลกยกไทยแก้โรคไม่ติดต่อเรื้อรังติดอันดับ

องค์การอนามัยโลกประจำภูมิภาคเอเชียใต้และตะวันออก (WHO-SEARO) ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สํานักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และ สำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการระดับภูมิภาคเอเชียใต้และตะวันออกเพื่อการป้องกันและควบคุมโรคไม่ติดต่อภายใต้บริบทของการพัฒนาอย่างยั่งยืน ในวันที่ 9-11 ตุลาคม 2560 ณ สวนสามพราน จ.นครปฐม

โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมกว่า 130 คน จาก 11 ประเทศในภูมิภาคเอเชียใต้และตะวันออก  เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการสร้างเสริมสุขภาพและการลดปัจจัยเสี่ยงหลักที่นำไปสู่ปัญหาโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (Non-communicable Diseases – NCDs) ผ่านชุดมาตรการที่คุ้มทุนและเหมาะสมกับบริบทแต่ละประเทศ รวมถึงแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของเครือข่ายด้านการจัดการ NCDs ระหว่างประเทศต่างๆ ในภูมิภาค

ศ.คลินิกเกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และรองประธานกรรมการสสส. คนที่ 1 กล่าวว่า กลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือ NCDs นับเป็นวิกฤตที่ต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วนทั้งระดับประเทศและนานาชาติ ในแต่ละปีมีประชากรมากถึง 16 ล้านคนทั่วโลกที่ต้องเสียชีวิตก่อนวัยอันควรจากโรคหัวใจ ปอด โรคหลอดเลือดในสมอง โรคมะเร็ง และโรคเบาหวาน ซึ่ง 80% มาจากประชากรในประเทศที่มีรายได้น้อยถึงปานกลางอย่างประเทศในภูมิภาคเอเชียใต้และตะวันออก

จึงเป็นที่มาของการกำหนดเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ เพื่อลดอัตราการเสียชีวิตให้ได้ 1 ใน 3 ภายในปี 2573 ซึ่งการป้องกันและควบคุม NCDs ต้องอาศัยการทำงานร่วมกันในทุกระดับ ตั้งแต่นโยบายไปจนถึงประชาชน การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนทั้งในและนอกภาคสาธารณสุข โดยเน้นมาตรการที่คุ้มทุนและมีประสิทธิผล หรือที่เรียกว่า “Best Buys”

รวมถึงการมีกลไกสนับสนุนให้เกิดความต่อเนื่องและยั่งยืน ได้แก่ ระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้าและกลไกทางการเงินรูปแบบใหม่เพื่อสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือ 3 ระดับ คือ 1.ระดับนโยบาย นำโดยกระทรวงสาธารณสุขและองค์กรสุขภาพที่ไปในทิศทางเดียวกัน 2.ระบบสุขภาพโดยยกระดับการให้บริการของระบบสาธารณสุขมูลฐานเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ และ 3. ระดับสังคมเพื่อสร้างความตระหนักรู้แก่ประชาชน

ศ.คลินิกเกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล กล่าวว่า ประเทศไทยอัตราการเสียชีวิตจาก 4 โรคไม่ติดต่อเรื้อรังอย่างโรคหัวใจ ปอด หลอดเลือดในสมอง มะเร็ง และเบาหวาน ซึ่งที่ผ่านมามีการรณรงค์ การเก็บภาษีบาป เพิ่มภาษีเครื่องดื่มหวาน โดยมีความร่วมมือจากสสส. ภาคเอกชนและประชาสังคมช่วยรณรงค์ ทำให้องค์การอนามัยโลกประกาศให้ปีนี้มาตรการการดูแลและการรณรงค์เรื่อง NCDs ของไทยได้คะแนนสูงขึ้นจากปี 2558 ที่ได้ 8 คะแนน โดยปีนี้ได้ 12 คะแนน จากคะแนนเต็ม 19 คะแนน ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่ดีที่สุดในเอเชีย ใกล้เคียงกับฟินแลนด์ แต่ก็ไม่ควรชะล่าใจ สิ่งสำคัญคือต้องทำให้คนไทยตระหนักรู้ถึงความเสี่ยง ทำให้เป็นหมอของตัวเองเพื่อดูแลตัวเอง

ดร.เดเนียล เคอร์เตส ผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย กล่าวว่า โรคไม่ติดต่อเรื้อรังเป็นปัญหาที่สำคัญมาก โดยคาดการณ์ว่าในภูมิภาคเอเชียใต้และตะวันออกมีประชากรราว 8.5 ล้านราย หรือเฉลี่ยวันละ 23,000 รายที่เสียชีวิตจาก NCDs ในแต่ละปี ในส่วนประเทศไทยต้องขอชื่นชมสสส. สปสช. และกระทรวงสาธารณสุขที่มีส่วนสำคัญในการผลักดันงานด้าน NCDs อย่างเข้มแข็ง

ซึ่งการแก้ไขปัญหา NCDs ของภูมิภาคนับว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ อย่างไรก็ตามยังมีประชากรอย่างน้อย 130 ล้านคนในภูมิภาคที่ยังไม่สามารถเข้าถึงบริการที่จำเป็น ซึ่งคาดว่าจำนวนผู้ป่วย NCDs ที่ไม่ได้รับการดูแลรักษาจะสูงกว่านี้ จึงไม่สามารถทอดทิ้งคนเหล่านี้ได้ สิ่งที่เราต้องให้ความสำคัญคือ การยกระดับศักยภาพของสถานบริการระดับปฐมภูมิในการตรวจ รักษา และติดตามอาการของผู้ป่วย NCDs ซึ่งการใช้ระบบสาธารณสุขมูลฐานเป็นกลไกขับเคลื่อนการจัดการปัญหา NCDs จะช่วยให้บรรลุเป้าหมายการเข้าถึงยาและเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่จำเป็นต่อ NCDs ครอบคลุมถึง 80% ภายในปี 2568