หลวงปู่ดุลย์ อตโล : วัดบูรพาราม สุรินทร์

0...เปิดสนามพระ:ฅนข่าววันนี้ มาพบกับพระเครื่องของพระภิกษุที่เป็นพระสุปฏิปันโนทางอีสาน ครับ

0...เหรียญหลวงปู่ดุลย์ เนื้อทองคำ ปี 26 จัดสร้างโดยพระครูสถิตสารคุณ สร้างพร้อมกับเหรียญเเซยิด เเต่รุ่นนี้สร้างเพื่อใช้เเจกในคราวหลวงปู่มีอายุครบ 97 ปี เเต่หลวงปู่ท่านได้ละสังขารเสียก่อน จำนวนการสร้างไม่ทราบจำนวนเเน่ชัด เเต่เข้าใจว่าน้อยมาก

มีสองเนื้อคือเนื้อทองคำเเละเนื้อเงินลงยา เหรียญรุ่นนี้ถึงเเม้จะไม่ทันเเจกตามกำหนด เเต่มีการสร้างก่อน เเละ ทันหลวงปู่อธิฐานจิตครับ และเหรียญหล่อลายฉลุ หลวงปู่ดุลย์ วัดบูรพาราม จ.สุรินทร์ รุ่นพิทักษ์สันติราษฎร์ (หลังตราโล่ตำรวจ) พิมพ์ใหญ่ สองโค๊ต เนื้อนวโลหะ ปี 2521 จำนวนการสร้าง 2,000 เหรียญ  สร้างโดย พล.ต.ท.แสวง หงษ์นคร

0...หลวงปู่ดูลย์ ถือกำเนิด ณ บ้านปราสาท อ.เมือง จ.สุรินทร์ เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2430 ตรงกับวันแรม 2 ค่ำ เดือน 11 เมื่อท่านมีอายุได้ 22 ปี  ท่านได้บรรพชาอุปสมบท ณ วัดชุมพลสุทธาวาสได้รับฉายาว่า “อตุโล”

อันหมายถึง ผู้ไม่มีใครเทียบได้   เมื่อแรกบวช ก็ได้ปฏิบัติกัมมัฏฐาน กับหลวงปู่แอก วัดคอโค ซึ่งอยู่ชานเมืองสุรินทร์ วิธีการเจริญกัมมัฏฐานในสมัยนั้น คือ จุดเทียนขึ้นมา 5 เล่ม แล้วนั่งบริกรรมว่า "ขออัญเชิญปีติทั้ง 5 จงมาหาเรา"  พยายามบริกรรมเรื่อยมาจนครบไตรมาส แต่ก็ไม่ปรากฏเห็นผลอันใด

0... ที่จ.อุบลราชธานี มีการเรียนการสอนพระปริยัติธรรม ท่านได้ไปขอเรียน แต่ต้องไปอยู่วัดหลวง เพราะต่างนิกายกัน และได้พระพนัส ซึ่งเดินทางไปเรียนก่อน ทราบความเข้า จึงพาท่านไปฝากอยู่อาศัยพร้อมทั้งศึกษาพระปริยัติธรรมไปด้วยที่วัดสุทัศนาราม

แต่เนื่องจากวัดนี้ เป็นวัดฝ่ายสงฆ์ธรรมยุต จึงไม่อาจให้ท่านอยู่ที่วัดได้  อย่างไรก็ดี ทางวัดสุทัศน์ ได้ให้ท่านพำนักอยู่ในฐานะพระอาคันตุกะ

0...ท่านศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรม จน สามารถสอบไล่ได้ประกาศนียบัตรนักธรรมชั้นตรี นวกภูมิ เป็นรุ่นแรกของ จ.อุบลราชธานี และยังได้ศึกษาบาลีไวยากรณ์ (มูลกัจจายน์) จนสามารถแปลพระธรรมบทได้

ต่อมาปี พ.ศ. 2461 ท่านได้ญัตติ เป็นธรรมยุต โดยท่านอาจารย์สิงห์ ขนฺตยาคโม ที่วัดสุทัศน์ได้ช่วยเหลือท่านในการขอญัตติ  จนกระทั่งประสบผลสำเร็จ รวมเวลาที่อยู่ในมหานิกายนานถึง 10 ปี

ท่านเห็นว่าการเรียนปริยัติธรรมเป็นแค่การจำหัวข้อธรรมะ จึงบังเกิดความเบื่อหน่าย และท้อถอยในการเรียนพระปริยัติธรรมและมีความสนใจไปในทางธุดงค์กัมมัฏฐานอย่างแน่วแน่

0...ในพรรษานั้นเอง ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต พระปรมาจารย์ฝ่ายธรรมยุติ  ได้กลับจากธุดงค์กัมมัฏฐาน มาพำนักจำพรรษาอยู่ที่วัดบูรพา จ.อุบลราชธานี  หลวงปู่ดุลย์กับอาจารย์สิงห์ พากันไปฟังธรรมเทศนาของพระอาจารย์มั่น เห็นถึงความงดงามในปฏิปทาของท่าน  จึงเพิ่มความสนใจใคร่ประพฤติปฏิบัติทางธุดงค์กัมมัฏฐานมากยิ่งขึ้น

หลังออกพรรษาแล้วท่านอาจารย์มั่นได้ออกธุดงค์พร้อมภิกษุ 2 รูป คือ พระอาจารย์สิงห์ ขนฺตยาคโม กับหลวงปู่ดุลย์ ติดตามออกธุดงค์ติดตามพระอาจารย์มั่นไปทุกแห่ง จนตลอดฤดูกาลนอกพรรษานั้น จึงนับได้ว่าหลวงปู่เป็นศิษย์พระอาจารย์มั่นในยุคแรกๆ


0...พรรษาแรกแห่งการธุดงค์ของท่าน คณะหลวงปู่ดุลย์ ได้แยกจากท่านพระอาจารย์มั่น เดินธุดงค์ผ่านไปทาง อ.ท่าคันโท จ.กาฬสินธุ์ ครั้นถึงป่าท่าคันโท  บริเวณแห่งนั้นเป็นสถานที่ทุรกันดาร เต็มไปด้วยสัตว์ป่าและไข้ป่าก็ชุกชุมมาก ยากที่จะดำรงชีวิตอยู่ได้ ยังไม่ทันถึงครึ่งพรรษาก็ปรากฏว่า อาพาธเป็นไข้ป่ากันหมด  จนกระทั่งองค์หนึ่งถึงแก่มรณภาพลงในกลางพรรษานั้น ยังความสลดสังเวชให้กับผู้ที่ยังคงอยู่เป็นอย่างยิ่ง

หลวงปู่ดุลย์ รู้ว่า ความตายคงจะมาเยือนในไม่ช้า  จึงเร่งทำความเพียร ตั้งสติให้สมบูรณ์ ทำจิตให้อยู่ในสมาธิอย่างมั่นคง พร้อมทั้งพิจารณาความตาย ไม่หวั่นไหวต่อความตายที่จะมาเยือน

0... การปฏิบัติบำเพ็ญที่ป่าท่าคันโท หลวงปู่ดุลย์ได้บังเกิดผลคือ ขณะที่นั่งภาวนาอยู่ตั้งแต่หัวค่ำจนดึกมากนั้น จิตก็ค่อยๆ หยั่งลงสู่ความสงบและให้บังเกิดนิมิตขึ้นมา คือ เป็นพระพุทธรูปปรากฏขึ้นที่ตัวของท่าน ประหนึ่งว่าตัวของท่านเป็นพระพุทธรูปองค์หนึ่ง ท่านพยายามพิจารณารูปนิมิตต่อไปอีก

แม้ขณะที่ออกจากที่บำเพ็ญสมาธิภาวนาแล้ว และขณะออกเดินไป เพื่อบิณฑบาต ก็ยังปรากฏอยู่เช่นนั้น ขณะที่เดินกลับจากบิณฑบาต ท่านได้พิจารณาดูตนเอง ก็ได้ปรากฏเห็นชัดว่า เป็นโครงกระดุกทุกส่วนสัด

0...วันนั้นจึงเกิดความรู้สึกไม่อยากฉันอาหาร จึงอาศัยความปิติของสมาธิจิต กระทำความเพียรต่อไป เช่น เดินจงกรมบ้าง นั่งสมาธิบ้างตลอดวันตลอดคืน และแล้วในขณะนั้นเองแสงแห่งพระธรรมก็บังเกิดขึ้น ปรากฏแก่จิตของท่าน  รู้ชัดว่าอะไรคือจิต อะไรคือกิเลส จิตปรุงกิเลสหรือกิเลสปรุงจิต

และเข้าใจสภาพเดิมของจิตที่แท้จริงได้จนรู้กิเลสส่วนไหนละได้แล้ว ส่วนไหนยังละไม่ได้  ครั้นเมื่อท่านออกจากสมาธิแล้ว อาการของโรคไข้มาลาเรียที่เป็นอยู่ก็หายไปหมดสิ้น

0...หลวงปู่ดุลย์ ท่านเล่าว่า ได้เกิดความสว่างไสวในใจชัดว่า  เมื่อสังขารขันธ์ดับได้แล้ว ความเป็นตัวตนก็มีไม่ได้ เพราะไม่ได้เข้าไปเพื่อปรุงแต่ง ครั้นความปรุงแต่งขาดไป ความทุกข์จะเกิดขึ้นอย่างไร และจับใจความอริยสัจจแห่งจิตได้ว่า  จิตที่ส่งออกนอก เพื่อรับสนองอารมณ์ทั้งสิ้น เป็นสมุทัย, ผลอันเกิดจากจิตที่ส่งออกนอกแล้วหวั่นไหว เป็นทุกข์ ,จิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้ง เป็นมรรค , ผลอันเกิดจากจิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้ง เป็นนิโรธ

0..สมเด็จพระมหาวีรวงศ์  เจ้าคณะมณฑลนครราชสีมา ร่วมกับ คณะสงฆ์ ดำริที่จะสถาปนาวัดบูรพารามขึ้นเป็นวัดธรรมยุติกนิกายแห่งแรก ของ จ.สุรินทร์ ได้มีบัญชาให้หลวงปู่ดูลย์ มาบูรณะวัดบูรพาราม จ.สุรินทร์ ในวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2477  และท่านได้พำนักอยู่ที่นี่ตลอดมา หลวงปู่ท่านมรณภาพลงด้วยอาการสงบ เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2526 เวลา 04.13 น. รวมสิริอายุได้ 96 ปี 26 วัน พรรษาที่ 74

0...จากกันด้วยธรรมะจากหลวงปู่ดุลย์  ครับ 'คนสมัยนี้เขาเป็นทุกข์เพราะความคิด  ที่ใจเป็นทุกข์เพราะเกิดความยึดมั่นแล้ว มีการปรุงแต่งในความคิดขึ้น  และอุบายที่จะละความทุกข์ก็คือ หยุดการปรุงแต่ง  แล้วปล่อยวางให้เป็น  ซึ่งจะทำได้ต้องอาศัยการภาวนา ทำจิตใจสงบจึงจะเกิดพลัง  มีสติปัญญามองเห็นเหตุเห็นผล  แล้วจิตก็จะปล่อยวางได้ เมื่อละความยึดมั่นได้ ความทุกข์ในสิ่งนั้นก็หมดไป'

เขียน : นายกองตรีอ้วน [email protected]