แนะเฉือน”สนามกอล์ฟธูปะเตมีย์” ทำสวนสาธารณะ

 

(19 กุมภาพันธ์ 2567 )นายเชตวัน เตือประโคน สส.ปทุมธานี เขต 6 พรรคก้าวไกล (คูคต - ลำสามแก้ว - ลาดสวาย) ซึ่งเป็นที่ตั้งของสนามกอล์ฟกองทัพอากาศ (ธูปะเตมีย์) เนื้อที่กว่า 625 ไร่

ซึ่งเป็นผู้เสนอญัตติให้มีการพิจารณาศึกษาแนวทางการใช้ที่ดินดังกล่าว เปลี่ยนจากสนามกอล์ฟมาทำสวนสาธารณะให้ประชาชน กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) ให้สัมภาษณ์ถึงการหารือกับเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ถึงแนวคิดจะมีการใช้พื้นที่นี้ทำ “สปอร์ต คอมเพล็กซ์” ว่า ชื่นชมกับแนวคิดเรื่อง “สปอร์ต คอมเพล็กซ์”

เพราะอย่างน้อยก็เท่ากับเราเห็นตรงกันแล้วว่า ที่ดินผืนใหญ่ใจกลางเมือง 625 ไร่ สามารถที่จะทำประโยชน์อย่างอื่นให้คนส่วนใหญ่ได้ใช้ประโยชน์ มากกว่าการเป็นสนามกอล์ฟที่คนไม่กี่คนเท่านั้นได้ใช้

อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องที่ต้องคิดหรือฟังเสียงประชาชนว่าอยากให้มีอะไรบ้าง สนามเทนนิส สนามแบดมินตัน สนามบาสเกตบอล สนามตะกร้อ สระว่ายน้ำ ฟิตเนส ฯลฯ

และที่สำคัญคือการบริหารจัดการเป็นอย่างไร เพราะถ้าเป็นสวัสดิการภายในจากที่กองทัพเคยชี้แจง ก็ต้องเป็นสิ่งที่ทหารจะมีสัดส่วนใช้ประโยชน์มากกว่า ประชาชนมาใช้บริการต้องไม่เกิน 50 เปอร์เซ็นต์

แต่ถ้าเป็นสวัสดิการเชิงธุรกิจ ตรงนี้กองทัพก็ต้องมีการไปทำสัญญากับกรมธนารักษ์เจ้าของพื้นที่ ว่าจะแบ่งรายได้เข้าคลังเท่าไร ซึ่งก็น่าคิดว่าถ้ามีการเก็บเงินค่าใช้บริการ ประชาชนกี่คนจะสามารถเข้าถึงบริการนี้

นายเชตวัน กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการทำสปอร์ต คอมเพล็กซ์ ก็ยังสามารถแบ่งพื้นที่บางส่วนมาทำเป็นสวนสาธารณะได้ มีลู่วิ่ง มีเลนจักรยาน มีพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับบริเวณ อ.ลำลูกกา ที่ได้ชื่อว่ามีค่าฝุ่น pm 2.5 สูง ติดอันดับต้นๆ ของประเทศ

ส่วนการที่ ผบ.ทอ. เคยบอกว่า มีสวนสาธารณะโซนเหนือ 3 แห่งเพียงพอแล้ว ทั้งสวนสุขภาพ ทอ.เฉลิมพระเกียรติ, สวนสุขภาพ ทอ.ท่าดินแดง และกำลังพัฒนาสวนบริเวณทุ่งสีกันนั้น ถ้าไปดูพื้นที่จริงๆ คนลำลูกกาไม่สะดวกเดินทางไปสวนสุขภาพเหล่านี้แน่ๆ เพราะถนนหนทางได้กลายเป็นตัวบล็อกคนจากฝั่งลำลูกกาให้ไปสู่จุดที่ว่ามาไม่สะดวก

“ยังไม่นับว่าปริมาณคนที่อยู่ใกล้กับสนามกอล์ฟธูปะเตมีย์นั้น อยู่กันอย่างหนาแน่น เป็นชุมชน บ้านเรือนมากมาย แต่ไม่มีพื้นที่สีเขียว คือไม่ต้องตามเกณฑ์มาตรฐานขององค์การอนามัยโลกที่กำหนดให้แต่ละเมืองมีพื้นที่สีเขียว 9 ตารางเมตรต่อคนก็ได้

ขอแค่เท่า กทม. คือ 6.99 ตารางกิโลเมตรต่อคน สำหรับบริเวณนี้ยังแทบเป็นไปไม่ได้เลย ยืนยันว่าเรื่องสวนสาธารณะของเราชาวปทุมธานี ยังมีไม่เพียงพอ”

นายเชตวัน กล่าวด้วยว่า สำหรับเรื่องแคดดี้ที่จะตกงานหากยกเลิกการทำสนามกอล์ฟ ก็ต้องไปดูว่ามีจำนวนเท่าไร และรูปแบบในการเปลี่ยนผ่านนี้จะมีการชดเชย การเยียวยาหรือแม้แต่สร้างอาชีพใหม่ให้กับผู้ได้รับผลกระทบอย่างไร

คงไม่ใช่เลิกปุ๊บทิ้งให้คนลอยเคว้งคว้างแน่นอน ดูตัวอย่างสนามกอล์ฟการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่วันนี้เปลี่ยนมาทำเป็นสวนสาธารณะที่ชื่อสวนวชิรเบญจทัศ ก็มีการชดเชยและดูแลบรรดาแคดดี้ ที่วันนี้หลายๆ คนเป็นผู้ประกอบการให้เช่ารถจักรยาน เป็นผู้ประกอบการร้านค้าในสวนสาธารณะแห่งนี้

สำหรับสนามกอล์ฟธูปเตมีย์ มีทางเลือกที่มากกว่าเสียอีก เพราะถ้าทำเป็นสปอร์ต คอมเพล็กซ์ อย่างแนวคิดท่าน ผบ.ทอ.ด้วยแล้ว ก็สามารถให้สิทธิ์มาเป็นเจ้าหน้าที่ดูแลสนามกีฬาต่างๆ ดูแลสวนสาธารณะ หรือให้สิทธิ์แรกๆ ในการเป็นผู้ประกอบการต่างๆ ในพื้นที่ ตรงนี้ก็ต้องมาดูกัน คงไม่มีการลอยแพทิ้งขว้างอย่างแน่นอน

“แผนดำเนินการนี้ต้องไม่ใช่การทำให้แคดดี้ตกงาน แต่จะเป็นการดำเนินการควบคู่กับแผนปรับเข้าสู่ตำแหน่งงานที่มีรายได้ประจำแน่นอน มีสวัสดิการรองรับ

และต้องมีระบบซึ่งจะรับประกันงานและรายได้ระยะยาว สวัสดิการที่มั่นคงกว่า ไม่ว่าจะโดยการบริหารโดยกองทัพ หรือโดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น”