คณะแพทยศาสตร์รพ.รามาธิบดี ม.มหิดล จัดกิจกรรมวันธาลัสซีเมีย เพื่อผู้ป่วย



โรคธาลัสซีเมีย Thalassemia เป็นปัญหาสำคัญของประเทศโดยเป็นโรคโลหิตจางทางพันธุกรรมที่พบบ่อยที่สุดในประเทศไทย ผู้ที่มียีนแฝงสามารถถ่ายทอดความผิดปกติจากพ่อแม่สู่ลูกได้ ในประเทศไทยมีผู้ป่วยธาลัสซีเมียจำนวนร้อยละ 1 ของประชากร หรือเท่ากับ 700,000 คน ซึ่งในจำนวนนี้100,000 คนมีอาการรุนแรงมากต้องได้รับการดูแลรักษาจากแพทย์อย่างสม่ำเสมอตลอดชีวิต ในขณะที่ทรัพยากรของประเทศมีอยู่อย่างจำกัด จึงเป็นภาระอันยิ่งใหญ่ที่ต้องช่วยกัน ทั้งในส่วนของแพทย์ และประชาชน โดยนอกจากแพทย์ที่ต้องทำหน้าที่รักษาให้ดีที่สุดแล้ว ในส่วนของประชาชนก็ต้องร่วมป้องกันด้วย

 

เมื่อเร็วๆ นี้ สาขาวิชาโลหิตวิทยาและมะเร็งวิทยา

ภาควิชากุมารเวชศาสตร์

คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี

มหาวิทยาลัยมหิดล จัดกิจกรรมวันธาลัสซีเมียเพื่อผู้ป่วยและประชาชน ครั้งที่ 4 “อินไซด์โรคธาลัสซีเมีย: คุณรู้จักโรคนี้ดีหรือยัง” ณ ห้องประชุมอรรถสิทธิ์ เวชชาชีวะ ชั้น 5 อาคารศูนย์การแพทย์สิริกิติ์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีมหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งการดูแลผู้ป่วยเด็กที่เป็นธาลัสซีเมียนั้นมีความสำคัญทั้งในส่วนของตัวผู้ป่วยเอง พ่อแม่ผู้ปกครอง และแพทย์ โดยในงานมีการจัดบรรยายให้ความรู้ พร้อมด้วยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมาคอยให้คำแนะนำ

 

ศาสตราจารย์ แพทย์หญิงอำไพวรรณ จวนสัมฤทธิ์ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์

คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี

มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า คนไทยทั่วไปมีโอกาสพบยีนโรคธาลัสซีเมียแฝงสูงถึงร้อยละ 40 ผู้ที่มีโอกาสพบยีนโรคธาลัสซีเมีย ได้แก่ คู่สมรสที่มีลูกเป็นผู้ที่มีญาติเป็นโรคธาลัสซีเมีย และผู้ที่มีญาติเป็นโรคธาลัสซีเมียหรือมียีนโรคธาลัสซีเมียแฝง โดยที่ผู้ที่มียีนแฝงนั้นมีสุขภาพแข็งแรงเหมือนคนปกติ จะทราบว่ามียีนแฝงได้โดยการเจาะเลือดส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ

 

ซึ่งผู้ที่ควรได้รับการตรวจเลือดเพื่อวินิจฉัยภาวะที่มียีนโรคธาลัสซีเมียแฝง คือ ผู้ที่อยู่ในวัยเจริญพันธุ์ที่มีโอกาสมีลูก และผู้ที่กำลังจะแต่งงานหรือกำลังวางแผนจะมีลูก รวมทั้งผู้ที่มีญาติเป็นโรคธาลัสซีเมีย หรือมียีนโรคธาลัสซีเมียแฝง

 

นอกจากนี้ หญิงตั้งครรภ์ทุกคนควรฝากครรภ์ตั้งแต่อายุครรภ์ไม่เกิน 8-12 สัปดาห์ เพื่อรับการตรวจเลือดว่ามียีนโรคธาลัสซีเมียแฝงหรือไม่ ถ้าตรวจพบว่ามียีนโรคธาลัสซีเมียแฝง ต้องรีบนำสามีมารับการตรวจเลือดว่ามียีนโรคธาลัสซีเมียแฝงด้วยหรือไม่ หากสามีก็มียีนโรคธาลัสซีเมียแฝงแพทย์จะให้คำปรึกษาเกี่ยวกับโอกาสเสี่ยงต่อการมีลูกเป็นโรคธาลัสซีเมีย และดำเนินการตรวจทารกในครรภ์ว่าเป็นโรคธาลัสซีเมียหรือไม่ เมื่อตั้งครรภ์ประมาณ 10-20 สัปดาห์

 

ทั้งนี้ ผู้ป่วยธาลัสซีเมียจะต้องมีวินัยในตัวเอง ทั้งในการรับประทานยา ออกกำลังกาย หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง ตลอดจนมาพบแพทย์เพื่อรับเลือดอย่างสม่ำเสมอ ทุก 2 - 6 สัปดาห์

 

ด้าน รองศาสตราจารย์ นายแพทย์อุษณรัสมิ์ อนุรัฐพันธ์ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์

คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี

มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ให้คำแนะนำในส่วนของการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือด ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ทางการแพทย์ที่สามารถรักษาโรคธาลัสซีเมียให้หายขาดว่า วิธีดังกล่าวยังไม่ได้รับการบรรจุให้อยู่ในแนวทางการรักษามาตรฐานของโรคธาลัสซีเมียของประเทศไทย ซึ่งตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างการทำประชาพิจารณ์ อย่างไรก็ตาม สปสช. เพิ่งรับรองให้สามารถปลูกถ่ายฯ ผู้ป่วยธาลัสซีเมียได้ แต่จำกัดเฉพาะในเด็กไทยที่อายุน้อยกว่า 10 ปี โดยสามารถใช้สิทธิ์ได้เพียง 6 รายต่อปีเท่านั้น 

 

นอกจากนี้ ยังมีวิธีการรักษาโดยใช้ยีนบำบัด ซึ่งถึงแม้จะเป็นการรักษาวิธีใหม่ที่ทำให้ผู้ป่วยหายขาดจากโรคได้ และภาวะแทรกซ้อนระยะเฉียบพลันน้อยกว่าการปลูกถ่ายฯ แต่ยังเป็นการรักษาที่มีราคาสูงมาก ถึงประมาณ 50 ล้านบาทและยังไม่ทราบถึงผลข้างเคียงในระยะยาว อีกทั้งเป็นวิธีการที่ไม่ครอบคลุมด้วยสิทธิการรักษาในระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้า ไม่เหมือนวิธีการที่ได้รับรองอย่างเช่น การรับเลือดการรับยาขับเหล็ก การปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดฯ จากพี่น้องพ่อแม่เดียวกันที่เนื้อเยื่อเข้ากัน หรืออาสาสมัครจากสภากาชาดไทยที่เนื้อเยื่อเข้ากัน

 

"วิธีการที่ดีที่สุดสำหรับโรคธาลัสซีเมีย เนื่องจากเป็นโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม เราจึงควรที่จะป้องกันไม่ให้เกิดผู้ป่วยรายใหม่ เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดต่อตัวผู้ป่วย และครอบครัว ตลอดจนเศรษฐกิจสังคมของประเทศไทย" รองศาสตราจารย์ นายแพทย์อุษณรัสมิ์ อนุรัฐพันธ์ กล่าวทิ้งท้าย