สสว. จับมือ 8 มหาวิทยาลัยรัฐ จัดตั้งศูนย์แห่งความเป็นเลิศ



สสว. จับมือ 8 มหาวิทยาลัย จัดตั้งศูนย์แห่งความเป็นเลิศ หรือ Excellence Center ทั้งด้านเกษตร และด้านการพัฒนาชุมชน  ครอบคลุม 4 ภูมิภาค 8 แห่งทั่วประเทศ มุ่งหวังให้เป็นกลไกสำคัญตามแผนปฏิรูปประเทศด้านเศรษฐกิจ ตั้งเป้ายกระดับองค์ความรู้ธุรกิจ 3,200 ราย อบรม Online และ Offline พร้อมพัฒนาและให้คำปรึกษาถึงสถานที่แบบเจาะลึก ขยายช่องทางการตลาดให้กับวิสาหกิจไม่น้อยกว่า 400 ราย เพิ่มศักยภาพเพื่อต่อยอดสินค้าและผลิตภัณฑ์ชุมชนหรือสร้างบริการใหม่ๆ ไม่น้อยกว่า 40 วิสาหกิจ รวมกว่า 40 ผลิตภัณฑ์/บริการ และผลักดันให้เกิดเครือข่ายวิสาหกิจชุมชน 1 เครือข่ายต่อ 1 มหาวิทยาลัย ภายในปี 2562

นายสุวรรณชัย โลหะวัฒนกุล ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กล่าวว่า วิสาหกิจชุมชนเป็นหัวใจในการสร้างงาน สร้างรายได้ และขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากของชุมชนซึ่งมีความสำคัญและส่งผลโดยตรงกับระบบเศรษฐกิจใหญ่ของประเทศเช่นเดียวกับกลุ่มผู้ประกอบการ SME และจากแผนการปฏิรูปประเทศด้านเศรษฐกิจ ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2561 ที่ผ่านมา สสว. ได้รับมอบหมายให้ดำเนินการร่วมกับมหาวิทยาลัยท้องถิ่นทั่วประเทศ ส่งเสริมการทำวิจัยและพัฒนาที่ใช้ได้จริงตรงกับความต้องการของเกษตรกรในชุมชน รวมถึงพัฒนาธุรกิจชุมชนโดยการสนับสนุนทั้งด้านการรวมกลุ่มสร้างเครือข่าย และการสร้างกลไกพัฒนาร่วมกับภาคเอกชน เพื่อเพิ่มโอกาสในการเติบโตของธุรกิจชุมชนสร้างการเติบโตทางรายได้ เพิ่มการเข้าถึงตลาดและทรัพยากร

 

 

“ในปีนี้ สสว. จึงได้บูรณาการความร่วมมือกับ 8 มหาวิทยาลัยตั้งอยู่ในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ได้แก่ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ มหาวิทยาลัยนเรศวร มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ และมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ผลักดันให้เกิดศูนย์แห่งความเป็นเลิศ หรือ Excellence Center ขึ้น โดยดำเนินการภายใต้โครงการส่งเสริมเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนปี 2562 ซึ่งเป็นโครงการที่ส่งเสริมธุรกิจชุมชนด้วยการพัฒนาองค์ความรู้และการบริหารจัดการสมัยใหม่ พร้อมกับยกระดับด้วยการให้ชุมชนสามารถนำและใช้เครื่องจักร เทคโนโลยี และนวัตกรรมที่เหมาะสมกับธุรกิจ ไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพและกระบวนการผลิต พัฒนาผลิตภัณฑ์ ปรับปรุงบรรจุภัณฑ์เพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการตลาด และนำวิสาหกิจที่มีศักยภาพไปทดสอบตลาดนอกพื้นที่ รวมถึงยังได้พัฒนาและยกระดับวิสาหกิจที่มีศักยภาพให้ได้มาตรฐานเพื่อสร้างโอกาสทางการค้าให้เพิ่มมากขึ้นได้แก่ สินค้า OTOP มาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) และ อย. เป็นต้น รวมถึงเรื่องการสร้างเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนทั้งในระดับพื้นที่และระดับจังหวัดขึ้น”

 

สำหรับศูนย์แห่งความเป็นเลิศ หรือ Excellence Center สสว. ได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยของรัฐ จัดตั้งขึ้นภายในที่ตั้งของมหาวิทยาลัยทั้ง 8 แห่งครอบคลุม 4 ภูมิภาค รองรับวิสาหกิจชุมชนทั้ง 77 จังหวัด โดยจะดำเนินกิจกรรมการพัฒนาส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนพร้อมกันทั่วประเทศ ตามกรอบการส่งเสริมพัฒนา 2 ด้านได้แก่ ด้านภาคเกษตร และด้านสินค้าและผลิตภัณฑ์ชุมชน โดยแบ่งพื้นที่ตามความรับผิดชอบดังนี้

 

 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ รับผิดชอบพื้นที่กรุงเทพมหานคร ภาคกลาง และภาคตะวันออก ครอบคลุมพื้นที่ 26 จังหวัด มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ มหาวิทยาลัยนเรศวร รับผิดชอบพื้นที่ภาคเหนือ ครอบคลุม 17 จังหวัด มหาวิทยาลัยขอนแก่น และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี รับผิดชอบพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ครอบคลุมพื้นที่ 20 จังหวัด มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ รับผิดชอบพื้นที่ภาคใต้ ครอบคลุม 14 จังหวัด

 

“สสว. คาดหวังว่าการดำเนินงานของ ศูนย์ Excellence Center ครั้งนี้จะสามารถส่งเสริมพัฒนาเพื่อยกระดับให้วิสาหกิจชุมชนไทยเติบโตอย่างเข้มแข็งและมั่นคง พร้อมสำหรับการแข่งขันในยุค 4.0 พร้อมกันนี้ยังสามารถสร้างเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนเพิ่มมากขึ้นเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไป ตลอดจนสร้างรายได้ให้กับ 400วิสาหกิจชุมชนที่ผ่านการพัฒนาจากโครงการ เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 ภายในปี 2562 นี้ได้สำเร็จ” ผอ.สสว.กล่าว

 

สำหรับผู้สนใจเข้าร่วมโครงการสามารถติดต่อสอบถามได้ที่มหาวิทยาลัยที่เข้าร่วมทั้ง 8 มหาวิทยาลัย หรือติดตามรายละเอียดการเข้าร่วมโครงการได้ที่ www.sme.go.th และสามารถสมัครเข้าร่วมโครงการได้ที่ Application SME Connext