ปั่นไปไม่ทิ้งกัน ปี 2 วันที่ 6 จ.ตราด



   “ปั่นไปไม่ทิ้งกัน  No One Left Behind ปี 2”  วันที่ 6 เริ่มปล่อยตัวจากสนามหลวงตราดเฉลิมพระเกียรติ เวลา 08.00 น. โดยมีนายประเสริฐ ลือชาธนานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด นายวิเชียร ทรัพย์เจริญ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดตราด  นายวโรตนม์ หนูดาษ รักษาการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดตราด พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการต่างๆ ตัวแทนภาคเอกชน และประชาชน เข้าร่วมพิธีปล่อยขบวนนักปั่นผู้พิการทางสายตาและนักปั่นจิตอาสา จำนวนกว่า 70 ชีวิต ภายใต้ภารกิจระดมทุนสานฝัน "ศูนย์ฝึกอาชีพคนพิการอาเซียน" อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเดินทางต่อไปยังจังหวัดจันทบุรี

 พิธีปล่อยตัวในช่วงเช้าเป็นไปอย่างอบอุ่น มีสื่อมวลชนท้องถิ่น ชมรมนักปั่นจังหวัดตราด และประชาชนที่มาออกกำลังกายบริเวณสนามหลวงตราดเฉลิมพระเกียรติ จำนวนกว่า 150 คน มาตั้งแถวรอต้อนรับขบวนนักปั่นโครงการปั่นไปไม่ทิ้งกัน พร้อมเตรียมอาหารว่าง เช่น ปาท่องโก๋ร้อนๆ โอวัลติน กาแฟ เพื่อให้เหล่าบรรดานักปั่นน่องเหล็กตาบอด-และจิตอาสาได้เติมพลัง สร้างความกระชุ่มกระชวยในยามเช้า

 ขณะเดียวกันได้รับมอบเงินบริจาคจากชาวเมืองตราดเป็นจำนวนเงินกว่า 111,720 บาท (หนึ่งแสนหนึ่งหมื่นหนึ่งพันเจ็ดร้อยยี่สิบบาท) โดยมี นายประเสริฐ ลือชาธนานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด เป็นตัวแทนส่งมอบเงินจำนวนดังกล่าว เพื่อสนับสนุนการก่อสร้างศูนย์ฝึกอาชีพคนพิการอาเซียน อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ให้แล้วเสร็จ ซึ่งจะเป็นต้นแบบศูนย์ฝึกอาชีพคนพิการอย่างครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต สร้างอาชีพที่ยั่งยืนให้กับผู้พิการ

นางสาวศิริวรรณ กิตติทองวิรักษ์ รองผู้อำนวยการศูนย์การศึกษาพิเศษประจำจังหวัดตราด กล่าวว่า โครงการปั่นไปไม่ทิ้งกัน ปี 2 เป็นโครงการที่ก่อให้เกิดประโยชน์เป็นวงกว้าง

 "โครงการปั่นไปไม่ทิ้งกัน ปี 2 มีข้อดีที่เห็นได้ชัดเจน 3 เรื่อง 1.จะช่วยให้คนพิการได้เข้าถึงโอกาสในการฝึกอาชีพ เพื่อนำทักษะไปใช้ในการดำรงชีวิตด้วยตัวเองได้ โดยไม่ต้องพึ่งคนอื่น 2.เกิดความร่วมมือในทุกภาคส่วนราชการของแต่ละจังหวัด ทำให้เราเห็นถึงความสามัคคีของทุกคนที่อยากจะช่วยเหลือคนพิการ 3.ถือเป็นการประชาสัมพันธ์รณรงค์ให้สังคมได้รับรู้ถึงสิทธิคนพิการ" นาวสาวศิริวรรณกล่าว

  สำหรับเส้นทางการปั่นจักรยานของวันที่หก เริ่มเคลื่อนขบวนจากสนามหลวงตราดเฉลิมพระเกียรติ โดยมี นายประเสริฐ ลือชาธนานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด ให้เกียรติปั่นนำขบวนจักรยานเป็นระยะทาง 23 กิโลเมตร โดยใช้ถนนสุขุมวิท มุ่งหน้าสู่จุดแรกที่ด่านท่าจอด อำเภอเขาสมิง จังหวัดตราด จากนั้นคณะปั่นได้ไปต่อยังจุดที่สอง ปั๊มน้ำมันปตท.หจก.ชวนพาณิชย์ อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี ก่อนแวะพักรับประทานอาหารกลางวันที่ศูนย์อาหารหลักจันท์ อำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี จากนั้นเดินทางต่อไปยังจุดที่สี่คือ ศาลเจ้าแม่เขาเกลือ อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี ก่อนมุ่งหน้าสู่จุดหมายสุดท้ายของวันนี้ที่บ้านสวนบุษบาโฮมสเตย์ อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี รวมระยะทางทั้งสิ้น 106 กิโลเมตร โดยคาดว่าจะถึงจุดหมายในเวลา 16.00 น.

 เส้นทางปั่นในวันนี้ พื้นที่จังหวัดตราดยังคงเป็นถนนทางตรง มีเนินยาวสลับเป็นบางช่วง ผ่านย่านชุมชนและตลาดสด กระทั่งเข้าสู่พื้นที่อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี บรรยากาศเปลี่ยนเป็นเนินลาดชัน มีเส้นทางคดโค้งมากขึ้น สองข้างทางทัศนียภาพเป็นภูเขาเขียวขจีอุดมสมบูรณ์  ขณะที่สภาพอากาศยังคงทวีความร้อนแรงตลอดบ่าย ส่งผลให้เหล่าคณะนักปั่นมีท่าทางอ่อนล้าจากแสงแดดแผดเผา ต้องคอยดื่มน้ำรักษาอุณหภูมิร่างกายอยู่บ่อยครั้ง แต่ทุกคนไม่มีใครยอมแพ้ ต่างยังคงมุ่งมั่นเพื่อปั่นไปให้ถึงจุดหมายอย่างไม่ย่อท้อ

  ขณะเดียวกัน ทีมนักปั่นพุ่มจำนวน 30 คัน นำโดย ศาสตราจารย์วิริยะ นามศิริพงศ์พันธุ์ ประธานมูลนิธิสากลเพื่อคนพิการ ได้ตระเวนออกไปเดินระดมเงินบริจาคตามจุดต่างๆในจังหวัดตราดและจังหวัดจันทบุรี เช่น ตลาดแสนตุ้ง ตลาดสดเทศบาลขลุง ร้านแม่วรรณาของฝาก ศาลเจ้าแม่เขาเกลือ เป็นต้น เพื่อทำการรณรงค์สิทธิคนพิการและประชาสัมพันธ์โครงการให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบ ท่ามกลางชาวบ้าน พ่อค้าแม่ค้า ตลอดจนนักท่องเที่ยวให้ความสนใจ โดยยอดเงินบริจาคจากช่องทางต่างๆที่ได้รับทั้งสิ้นในขณะนี้ อยู่ที่ประมาณ 3.9 ล้านบาท (สามล้านเก้าแสนบาท)

สำหรับเส้นทางปั่นจักรยานในวันพรุ่งนี้ซึ่งเป็นวันที่ 7 (วันศุกร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2562) จะเริ่มต้น ณ ที่ว่าการอำเภอโป่งน้ำร้อน โดยมีจุดหมายที่ศาลหลักเมืองสระแก้ว จังหวัดสระแก้ว ระยะทางทั้งสิ้น 129 กิโลเมตร

 โครงการปั่นไปไม่ทิ้งกัน No One Left Behind ปี 2 ถือเป็นครั้งที่สองของประเทศไทย ที่ผู้พิการตาบอดจำนวน 20 ชีวิต ร่วมกับนักปั่นจิตอาสาปั่นนำอีก 20 ชีวิต จะรวมพลังสามัคคีปั่นจักรยานเป็นระยะทางรวมกว่า 1,500 กิโลเมตร 14 วัน 15 จังหวัด ระหว่างวันเสาร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ถึงวันศุกร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 โดยเริ่มต้นจากกรุงเทพมหานคร ผ่านจังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดชลบุรี จังหวัดระยอง จังหวัดจันทบุรี จังหวัดตราด จังหวัดสระแก้ว จังหวัดปราจีนบุรี จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดลพบุรี จังหวัดสระบุรี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดปทุมธานี จังหวัดสุพรรณบุรี และจังหวัดนครปฐม เพื่อหาทุนสนับสนุนการก่อสร้าง ศูนย์ฝึกอาชีพคนพิการอาเซียน ที่อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ และศูนย์ฝึกอาชีพคนพิการอาเซียน ที่อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ภายใต้ความมุ่งหวังที่จะสร้างงานสร้างอาชีพให้ผู้พิการอย่างยั่งยืน และยังเป็นการสานต่องานที่ “พ่อ” ทำ ด้วยการเปลี่ยน “ภาระ” ให้กลายเป็นอีกหนึ่ง “พลัง” ในการพัฒนาและสร้างสรรค์สังคม