บิ๊กป้อม-เตียบันห์ ถกGBC เปลี่ยนสนามรบ สมรภูมิ เป็นพื้นที่พัฒนาร่วมกัน



พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นายกฯและ รมว.กลาโหม พร้อม พลเอกณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม พลเอกวัลลภ รักเสนาะ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ พลเอกพรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และ ผู้แทนเหล่าทัพและหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เยือนราชอาณาจักรกัมพูชา ระหว่าง 13-14 ก.พ. 62 และประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย - กัมพูชา ( General Border Committee : GBC ) ครั้งที่ 14 ที่ กรุงพนมเปญ

พล.อ.ประวิตร ได้เข้าพบหารือร่วมกับ สมเด็จพิชัยเสนา เตีย บันห์ รองนายกฯและรมว.กห.พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษก กห. เปิดเผยว่า ทั้งสองฝ่ายต่างชื่นชมความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศที่มีพัฒนาการอย่างมากจากความแน่นแฟ้นของรัฐบาลและกองทัพที่ผ่านมา และเห็นชอบร่วมกันที่จะเพิ่มพูนความร่วมมือระหว่างกองทัพในการรักษาความมั่นคงทางบกและทางทะเลให้มากขึ้น

โดยกำหนดให้มีการประชุม ผบ.ทหารสูงสุด(ผบ.ทสส.)ร่วมกันในทุกปีพร้อมทั้งร่วมกันผลักทุกพื้นที่ที่ เคยเป็นสมรภูมิ ให้กลับมาเป็นพื้นที่พัฒนาร่วมกัน โดยเฉพาะพื้นที่ชายแดนจันทบุรีและตราด - โพธิสัตย์ ไพลิน และพระตะบองซึ่งจะจัดตั้งคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค ( RBC ) โดยเปิดกว้างให้มีการพูดคุยร่วมกันครอบคลุมทุกฝ่าย เพื่อนำไปสู่ “พรมแดนแห่งมิตรภาพ เสถียรภาพและผลประโยชน์ร่วมกัน”

พล.อ.ประวิตร และสมเด็จพิชัยเสนา เตียบันห์ ได้ทำหน้าที่ประธานร่วมการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ( GBC ) ไทย - กัมพูชา ครั้งที่ 14โดยทั้งสองฝ่าย ต่างตระหนักและยึดมั่นความตกลงระหว่างกันในการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมในพื้นที่ชายแดน เป็นเสมือนวิธีการหนึ่งในการส่งเสริมเสถียรภาพและความมั่นคงในพื้นที่ตามแนวชายแดน

พร้อมทั้งยืนยันในเจตนารมณ์ ที่จะไม่เอาปัญหาเขตแดน มากระทบความสัมพันธ์อันดีของทั้งสองประเทศและงดเว้นการกระทำที่จะละเมิดเขตแดน หากมีปัญหาเกิดขึ้น จะร่วมกันยุติปัญหาระดับพื้นที่ด้วยสันติวิธี ด้วยความเข้าใจและเป็นไปตามหลักกฎหมายที่ประชุมเห็นชอบร่วมกัน ที่จะขยายความร่วมมือด้านความมั่นคงและการรักษาความสงบเรียบร้อยพื้นที่ชายแดน และพัฒนากลไกใหม่ร่วมกันทั้งทวิภาคีและพหุภาคี

พร้อมทั้งสนับสนุนการเร่งรัดเชื่อมต่อทางรถไฟ ไทย - กัมพูชา และยกระดับจุดผ่านแดนที่ตกลงร่วมกัน 4 จุด ในพื้นที่ ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี , บ.ท่าเส้น จ.ตราด , ช่องสายตะกู จ.บุรีรัมย์ และ บ.เขาดิน จ.สระแก้ว

และร่วมผลักดันกลไกความร่วมมือต่างๆ ในการยกระดับความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการยุติแหล่งผลิตและทำลายเครือข่ายการค้ายาเสพติดระหว่างประเทศ การก่ออาชญากรรมรูปแบบต่างๆและการจับกุมผู้กระทำผิดที่หลบหนีของทั้งสองประเทศอย่างจริงจัง

รวมทั้งเห็นชอบร่วมกันสนับสนุนการเชื่อมโยงเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ บริเวณ จ.สระแก้ว - จ.บันเตียเมียนเจย และ จ.ตราด - จ.เกาะกง และผลักดันมูลค่าการค้าชายแดนให้ได้ตามเป้าหมาย 15,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 63 ควบคู่ไปกับการเพิ่มความร่วมมือในการพัฒนาคุณภาพชีวิต ด้านสาธารณสุข การศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรมของประชาชนในพื้นที่ชายแดนทั้งสองประเทศ

ต่อจากนั้นทั้งสองฝ่ายได้ลงนามรับรองบันทึกการประชุมร่วมกัน เพื่อตอกย้ำความสำเร็จที่เป็นรูปธรรมร่วมกันและยึดเป็นกรอบแนวทางการปฏิบัติร่วมกัน

 

ภาพ:WassanaNanuam

ข่าวอื่นๆ ที่น่าสนใจ