มท.1 มอบนโยบาย17ผู้ว่าฯภาคกลาง เร่งขับเคลื่อนนโยบาย ช่วยเหลือปชช.
พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมหารือข้อราชการให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดภาคกลาง 17 จังหวัด พร้อมด้วย ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงมหาดไทย รองปลัดกระทรวงมหาดไทย และอธิบดีทุกกรมในสังกัด ณ ศาลากลางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
พลเอก อนุพงษ์ฯ กล่าวว่า รัฐบาลและนายกรัฐมนตรีได้กำหนดกรอบทิศทางในการทำงาน ได้แก่ ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แผนแม่บท และแผนงานในระดับต่างๆ เพื่อเป็นทิศทางในการทำงาน เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชน และใช้งบประมาณให้เกิดความคุ้มค่าที่สุด จึงขอให้ผู้ว่าฯได้ใช้กรอบยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แผนแม่บท เป็นแนวทางในการทำงานและกำหนดแผนภาค แผนจังหวัด แผนอำเภอจังหวัดให้สอดรับกัน
จากนั้นได้มอบนโยบายอื่นๆ ที่สำคัญ ดังนี้ การสร้างการรับรู้ให้กับประชาชน เพื่อให้ประชาชนมีความรู้พื้นฐานในการตัดสินใจเรื่องต่างๆ ทั้งนี้ ขอให้ผู้ว่าฯ นำข้อมูลข่าวสาร ข้อเท็จจริงลงไปในระดับพื้นที่ทุกหมู่บ้านทั่วประเทศ ผ่านกลไก เช่น การประชุม หนังสือสั่งการ หอกระจายข่าว line@มหาดไทย และนำไปสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนให้ได้
การบริหารจัดการขยะ ปัจจุบันขยะคงค้างในปี 2559 มีจำนวน 27.06 ล้านตัน รัฐบาลใช้งบประมาณในการจัดการขยะ ขาดดุลกว่า 1 หมื่นล้านบาทต่อปี ดังนั้น จึงต้องบริหารจัดการขยะให้ถูกต้องอย่าปล่อยให้เป็นปัญหาใหญ่ของสังคมต่อไป โดยเริ่มตั้งแต่ ต้นทาง คือ ครัวเรือน ต้องปฏิบัติตามหลัก 3ช หรือ 3Rs คือ ใช้น้อย (Reduce) ใช้ซ้ำ (Reuse) และใช้ใหม่ (Recycle) และการคัดแยกขยะโดยมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นหน่วยงานหลักในการส่งเสริมสนับสนุนให้เกิดการดำเนินการดังกล่าว รวมถึงจัดหาถังขยะแยกประเภทในที่สาธารณะ ส่วนการกำจัดด้วยเทคโนโลยีต้องอาศัยภาคเอกชนซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญ และเลือกเทคโนโลยีให้เหมาะสม เพื่อกำจัดขยะให้หมดไป จึงขอให้จังหวัดและ [http://อปท.เตรียมการให้พร้อมดำเนินการในเรื่องดังกล่าว]อปท.เตรียมการให้พร้อมดำเนินการในเรื่องดังกล่าว
การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ให้ผู้ว่าฯใช้กลไก กอ.รมน.จังหวัด ในการอำนวยการ บูรณาการ และขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยการให้ความสำคัญกับการลด supply side คือ บูรณาการกับทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในการป้องกันและปราบปราม และการลดdemand side คือ ให้ใช้กลไกท้องที่ ท้องถิ่น ครอบครัว ชุมชน สถานการศึกษาในการสร้างการรับรู้ สร้างเกราะป้องกันให้เยาวชนและประชาชน
จากนั้น พลเอก อนุพงษ์ฯ ได้เน้นย้ำให้ทุกจังหวัดดำเนินการโครงการจิตอาสาพระราชทาน "เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ" ตามแนวทางที่กระทรวงมหาดไทยได้ซักซ้อมการปฏิบัติเพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง
พลเอก อนุพงษ์ฯ ได้กล่าวขอบคุณและให้กำลังใจผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 17 จังหวัดในการปฏิบัติตามนโยบายรัฐบาล กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงต่างๆ เนื่องจากผู้ว่าฯ ต้องรับผิดชอบงานมากในระดับพื้นที่ เป็นหลักในการบูรณาการงานทุกส่วนราชการในพื้นที่ และกำกับดูแลงานต่างๆให้มีประสิทธิภาพ ดังนั้น จึงขอให้ผู้ว่าฯ ยึดหลักการทำงานตามกฏหมาย ทำให้เกิดความโปร่งใส เป็นธรรม และยึดถือประชาชนเป็นสำคัญ.