ผู้หญิงทั่วโลกกว่า4ใน5แวดวงเทคโนโลยีตั้งใจจะทำงานสายนี้ต่อไป



Booking.com หนึ่งในบริษัท E-commerce ด้านการเดินทางขนาดใหญ่ที่สุดของโลก อีกทั้งยังเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีดิจิตอล ได้เผยผลสำรวจใหม่จากรายงานระดับโลกโดยมีจุดประสงค์เพื่อแบ่งปันประสบการณ์และมุมมองของเหล่าผู้หญิงที่ทำงานในแวดวงเทคโนโลยี ซึ่งสื่อให้เห็นถึงความมั่นใจในหน้าที่การงานปัจจุบันและความก้าวหน้าทางอาชีพในอนาคต โดยผู้หญิงมากกว่า 4 ใน 5 (83%) ที่กำลังทำงานอยู่ในแวดวงเทคโนโลยีกล่าวว่าตั้งใจจะอยู่ในวงการต่อไปอีก 5-10 ปี นอกจากนี้ ผลสำรวจก็ยังบ่งชี้ถึงความเคลื่อนไหวซึ่งเหล่าหญิงผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีสามารถลงมือทำและมีส่วนช่วยเพื่อขับเคลื่อนความเท่าเทียมกันในแวดวง  รวมทั้งยังบ่งชี้ถึงปัจจัยเชิงรุกที่สตรีเหล่านี้มองว่าเป็นสิ่งสำคัญต่อบริษัทด้านเทคโนโลยี หากต้องการให้ผู้หญิงทั้งหลายประสบความสำเร็จยิ่งขึ้นไปอีกในสายงานนี้

เหล่าสตรีในแวดวงเทคโนโลยีทุกวันนี้ต่างมุ่งมั่นที่จะทำงานในสายนี้ต่อไป และส่งเสริมให้ผู้หญิงรุ่นใหม่ เจริญรอยตามเช่นเดียวกัน

จากผลสำรวจ Booking.com พบว่าผู้หญิงในทุกช่วงอายุงานต่างมีความมุ่งมั่นร่วมกันที่จะทำงานในแวดวงเทคโนโลยีต่อไป ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้ที่มีประสบการณ์ช่วงต้น 1-5 ปี (80%) กลุ่มที่มีประสบการณ์ตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป (83%) หรือกลุ่มที่กลับมาทำงานแวดวงเทคโนโลยีอีกหลังพักสายงานด้านนี้ไป (88%) ตัวเลขเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าผู้หญิงในวงการเทคโนโลยีนั้นมีความพึงพอใจเพิ่มขึ้นเมื่อได้ก้าวหน้าทางอาชีพ ซึ่งเป็นปัจจัยที่มีผลอย่างยิ่งต่อความตั้งใจที่จะทำงานในสายอาชีพต่อไป

สตรีในธุรกิจเทคโนโลยีในอินเดียและจีน (96% และ 94% ตามลำดับ) เป็นกลุ่มที่มีความมุ่งมั่นที่สุดที่จะทำงานในสายอาชีพนี้ต่อไปเมื่อเทียบกับในสหรัฐอเมริกาและยุโรป อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจยังแสดงให้เห็นว่า ในวงการเทคโนโลยีของจีนนั้นผู้หญิงต่างเผชิญอุปสรรคต่อความก้าวหน้า โดยผู้ตอบแบบสอบถามจากจีนถึง 43% เชื่อว่าเมื่อถึงจุดหนึ่งก็จะก้าวหน้าต่อไปไม่ได้แล้วในวงการเทคโนโลยี ซึ่งถือเป็นจำนวนสูงที่สุดจากการสำรวจทั่วโลก อีกทั้งยังแสดงให้เห็นว่าผู้หญิงในจีนพบความลำบากกว่าที่อื่นหากต้องการเติบโตในสายอาชีพเทคโนโลยี (ค่าเฉลี่ยทั่วโลกอยู่ที่ 26%) ส่วนในอินเดียนั้นความก้าวหน้าทางอาชีพเป็นปัญหาน้อยกว่าตลาดอื่น ๆ เพราะมีผู้ตอบทำแบบสอบถามเพียง 17% ที่เชื่อว่าตนเองสามารถเติบโตทางหน้าที่การงานได้ถึงจุดหนึ่งเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับผลสำรวจทั่วโลกแล้วกลุ่มสตรีในอินเดียต่างรู้สึกว่าความคิดเห็นและผลงานที่มีไม่เป็นที่ตระหนักถึงเท่าที่ควรในบริษัทเทคโนโลยี (42%) ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลก (20%) ถึง 2 เท่า ชี้ให้เห็นถึงปัญหาใหญ่จากวัฒนธรรมในที่ทำงาน นอกเหนือไปจากความมุ่งมั่นที่จะทำงานแวดวงเทคโนโลยีต่อไปแล้ว ผู้หญิงเหล่านี้ยังต่างกระตือรือร้นที่จะสนับสนุนให้คนรุ่นใหม่ๆ มาร่วมทำงานในวงการนี้ โดยผู้หญิงที่ทำงานด้านนี้เกือบ 9 ใน 10 จากทั่วโลก (89%) กล่าวว่าจะแนะนำสายอาชีพเทคโนโลยีให้กับผู้หญิงรุ่นใหม่ ทั้งระดับมัธยมปลายและปริญญาตรี เมื่อลองดูในตลาดต่างๆ พบว่าตัวเลขนี้มีจำนวนสูงสุดในหมู่ผู้หญิงจากอินเดีย (97%) ตามมาด้วยบราซิล (95%)

นางกิลเลียน แทนส์ ผู้ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Booking.com กล่าว “เห็นได้ชัดว่าผู้หญิงต่างมีทั้งความปรารถนาและความคิดเชิงบวกต่อสิ่งที่จะได้จากหน้าที่การงานในแวดวงเทคโนโลยี ไม่ว่าจะทำงานในสายนี้อยู่แล้วหรือตั้งใจว่าจะเข้ามาทำก็ตาม และเพื่อให้สายงานเทคโนโลยีทั่วโลกมีความเท่าเทียมทางเพศกันมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เราต้องอาศัยประโยชน์จากความคิดเชิงบวกนี้เพื่อสร้างวัฒนธรรมการทำงานที่มีความหลากหลายทางเพศซึ่งจะช่วยดึงดูดและรักษาเหล่าผู้หญิงมากความสามารถไว้ได้ การเห็นผู้หญิงในแวดวงเทคโนโนยีทำสิ่งน่าเหลือเชื่อในทุกๆ วันถือเป็นสิ่งที่ช่วยกระตุ้นและสร้างแรงบันดาลใจ รวมถึงการที่พวกเธอค่อยๆ ดึงคนรุ่นใหม่ให้เข้ามามีส่วนร่วม แสดงความคิดเห็นของตนเองให้ผู้คนได้รับรู้ และคอยริเริ่มหรือสร้างโปรแกรมซึ่งมีเป้าหมายในการช่วยเพิ่มความเท่าเทียมทางเพศในกลุ่มคนทำงานสายเทคโนโลยี”      

ผู้หญิงสายเทคโนโลยีทำสิ่งต่างๆ ตั้งแต่แบ่งปันประสบการณ์จากการทำงานไปจนถึงให้คำปรึกษาแก่คนรุ่นถัดไป เพื่อส่งเสริมความก้าวหน้าของผู้หญิงด้วยกันในวงการนี้

เหล่าสตรีที่กำลังทำงานด้านเทคโนโลยี ไม่ว่าจะทำงานในบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกหรือบริษัทสตาร์ทอัพ ต่างเปิดรับโอกาสที่ตนเองจะสามารถช่วยแก้ปัญหาความไม่เท่าเทียมกันทางเพศที่มีอย่างต่อเนื่องในแวดวงนี้ ตลอดจนช่วยสนับสนุนผู้หญิงคนอื่นได้ โดยผู้หญิงทั่วโลกจากแวดวงเทคโนโลยี (รวมถึงกลุ่มที่สนใจสายงานด้านนี้) รู้สึกว่าโอกาสที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับวงการนี้คือการได้มีส่วนร่วมแบ่งปันประสบการณ์และมุมมองจากการทำงานให้ผู้หญิงคนอื่นๆ ได้ฟัง (46%) และได้เป็นที่ปรึกษา (44%) โดยกลุ่มนักศึกษาหญิงระดับปริญญาตรีเล็งเห็นประโยชน์จากทั้งสองโอกาสนี้มากที่สุด (56% และ 50% ตามลำดับ) ส่วนกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่สนใจด้านเทคโนโลยีก็กระตือรือร้นที่จะทำความรู้จัก เรียนรู้ และรับคำแนะนำจากผู้หญิงที่ทำงานในแวดวงอยู่ก่อนแล้ว ผู้หญิงทั่วโลกจำนวนเกือบ 2 ใน 5 (38%) กล่าวว่า ผู้หญิงที่ทำงานในวงการเทคโนโลยีมีโอกาสที่จะช่วยเพิ่มความหลากหลายทางเพศได้ด้วยการเข้าร่วมองค์กรหรือหน่วยงานไม่แสวงหาผลกำไรซึ่งมุ่งเน้นสนับสนุนผู้หญิงในแวดวง STEM (วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์) โดยกลุ่มที่เห็นประโยชน์จากโอกาสนี้มากที่สุดคือ นักศึกษาระดับปริญญาตรี (47%) รวมถึงผู้หญิงในอินเดีย (46%) และจีน (45%) เมื่อเทียบกับทั่วโลก

นอกจากสิ่งที่ทำด้วยตนเองแล้ว ผู้หญิงก็กำลังเรียกร้องให้บริษัทเทคโนโลยีจ้างพนักงานให้หลากหลายยิ่งขึ้น รวมถึงผลักดันบุคคลต้นแบบ ที่ปรึกษา และแผนดำเนินการที่สตรีเหล่านี้เห็นว่าสำคัญต่อความสำเร็จของผู้หญิงในแวดวงเทคโนโลยี

แม้ว่าผู้หญิงเหล่านี้จะมีศักยภาพในการสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้หญิงคนอื่น ๆ รวมถึงเปลี่ยนแนวความคิด และเป็นผู้นำในการทำลายอุปสรรคต่อความสำเร็จของผู้หญิงในสายงานนี้ได้ แต่พวกเธอกลับมองว่าวงการเทคโนโลยีก็ควรให้ความสำคัญมากขึ้นกับแนวคิดริเริ่มที่จะสนับสนุนผู้หญิงด้วยเช่นกัน โดยเริ่มจากวางแผนการจ้างงานที่ออกแบบให้ดึงดูดแรงงานที่มีความหลากหลายยิ่งขึ้น ซึ่งปัจจัยนี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุดสำหรับผู้หญิงทั่วโลกมากกว่าครึ่ง (51%) อย่างไรก็ตาม มีผู้หญิงจำนวนเท่ากันนี้คาดหวังว่าจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงนี้ในที่ทำงานด้านเทคโนโลยีภายใน 5 ปีข้างหน้า ซึ่งชี้ให้เห็นว่ายังมีจุดที่บริษัทสามารถดำเนินการให้เร็วยิ่งขึ้นเพื่อให้เห็นการเปลี่ยนแปลง 

“จากผลสำรวจของเรา รวมถึงเรื่องราวที่สร้างแรงบันดาลใจนับไม่ถ้วนที่เราได้รับฟังทุกๆ วันจากผู้หญิงในแวดวงเทคโนโลยี เป็นที่ชัดเจนว่าพวกเธอกำลังก้าวเข้ามาริเริ่มการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในแวดวง อย่างไรก็ตาม เราจำเป็นต้องตระหนักว่าความรับผิดชอบนี้ก็เกี่ยวข้องกับฝ่ายอื่นๆ เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นผู้คนในแวดวง บริษัท ผู้วางนโยบายของรัฐหรือองค์กร และนักวิชาการด้านเทคโนโลยี วันนี้เรามีโอกาสที่จะทำให้การเปลี่ยนแปลงเป็นจริงและยั่งยืน รวมถึงส่งต่อไปถึงผู้หญิงที่ทำงานด้านเทคโนโลยีในรุ่นต่อ ๆ ไป และด้วยวิสัยทัศน์นี้ Booking.com ได้จัดเซสชั่น Women in Tech ที่งาน Web Summit ประจำปีนี้ในลิสบอน เพื่อเปิดพื้นที่ให้เหล่าผู้หญิงได้พูดคุย สร้างปฏิสัมพันธ์ และแบ่งปันประสบการณ์ อีกทั้งยังมีเซสชั่นให้ผู้หญิงที่ทำงานด้านนี้ปรึกษาพูดคุยแบบตัวต่อตัวกับผู้บริหาร Booking.com หรือผู้นำท่านอื่นๆ ในวงการ” นางกิลเลียน แทนส์ กล่าวเสริม

เมื่อถามถึงขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยปลดล็อกความสำเร็จและริเริ่มความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในแวดวง ผู้หญิงหลายคนต่างกล่าวว่า บริษัทจำเป็นต้องวางนโยบายเกี่ยวกับความก้าวหน้าทางอาชีพโดยใช้ความสามารถเป็นเกณฑ์ (45%) และมีบุคคลต้นแบบหรือที่ปรึกษาที่ชัดเจนและเข้าถึงได้ (43%) โดยเหล่านักเรียนมัธยมปลายต่างต้องการให้มีที่ปรึกษาเป็นอย่างยิ่ง (48%) รวมถึงนักศึกษาปริญญาตรีด้วยเช่นกัน (51%) ซึ่งทั้งสองกลุ่มต่างมองหาการสนับสนุนและการแนะแนว เพื่อจะได้ก้าวเข้าสู่แวดวงเทคโนโลยีและเติบโตก้าวหน้าในสายงานนี้ได้ นอกจากนี้ เหล่าผู้หญิงต่างรู้สึกว่าต้องมีการสามัคคีกันเพื่อเพิ่มตัวแทนผู้หญิงในกลุ่มต่างๆ ภายในองค์กรและคณะที่จัดตั้งเพื่อทำงานเฉพาะ (43%) รวมถึงในบอร์ดผู้บริหารของบริษัท เพื่อเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จในอนาคตของผู้หญิงในแวดวงเทคโนโลยี โดยประเด็นหลังสุด เป็นสิ่งที่กลุ่มนักศึกษาหญิงระดับปริญญาตรีทั่วโลกต้องการให้เกิดขึ้นมากที่สุด (51%)

ซึ่งแสดงให้เห็นว่าบุคคลต้นแบบที่ชัดเจนในแวดวงเทคโนโลยีเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับผู้หญิงที่อายุน้อย และเป็นที่ชัดเจนว่าผู้หญิงทั่วโลก 2 ใน 5 คาดหวังที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นภายในอีก 5 ปี ข้างหน้า สำหรับการดำเนินการอื่นๆ ที่ผู้หญิงรู้สึกว่าบริษัทควรทำเพื่อให้ผู้หญิงสามารถเจริญก้าวหน้าในแวดวงเทคโนโลยีได้นั้นคือ รับประกันว่าจะได้ค่าจ้างอย่างเท่าเทียม (43%) จัดการฝึกอบรมในที่ทำงานโดยไม่กีดกัน (42%) และมอบโอกาสตามสมควรเป็นประจำสำหรับพัฒนาทักษะ (42%) ทุกวันนี้บริษัทจำนวนมากมีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในด้านการวางนโยบายและโปรแกรมซึ่งมอบโอกาส ทรัพยากร และการสนับสนุนที่เหล่าผู้หญิงต้องการเพื่อเติมเต็มหน้าที่การงานด้านเทคโนโลยี อย่างไรก็ดีตามที่ผลสำรวจบ่งชี้นั้น ยังมีโอกาสอีกมากมายที่สามารถทำได้เพื่อให้เกิดความหลากหลายทางเพศในแวดวงยิ่งกว่าเดิม