รวบแก๊งอินเดีย ปลอมเอกสารสมรสหญิงไทย

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (รอง ผบช.ทท.) แถลงจับกุมชาวอินเดีย ซึ่งเคยใช้ทะเบียนสมรสที่ได้มาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด จำนวน 3 ราย ประกอบด้วย (1.) นายปราบาห์การ์ ซิงห์ (Mr.Prabhakar Singh), (2.) นายริเตซ กูมาร์ (Mr.Ritesh Kumar), (3.) นายแมนจี๊ต มาลลาห์ (Mr.Manjeet Mallah) และเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร จำนวน 5 ราย คือ (1.) นายสุรัช ปรากาศ ซิงห์ (Mr.Suraj Prakash Singh), (2.) นายราจู ชาร์มา (Mr.Raju Sharma), (3.) นายไชเรซ กูมาร์ ทริปาตี้ (Mr.Shailesh Kumar Tripathi), (4.) นายวิเจนดร้า นิชาร์ด (Mr.Vijendra Nishad) และ (5.) นายบาจัน นิชาร์ด (Mr.Bhajan Nishad) รวมทั้งสิ้น 8 ราย

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (รอง ผบช.ทท.) กล่าวว่า สืบเนื่องจากได้รับการร้องเรียนจากหญิงไทยหลายราย ที่พบว่าตนเองมีรายชื่อจดทะเบียนสมรสกับชาวอินเดีย โดยที่ตนเองไม่เคยจดทะเบียนสมรสมาก่อน และไม่รู้จักชาวอินเดียที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนสมรสแต่อย่างใด จึงได้สั่งการให้ชุดสืบสวน บช.ทท. และชุดสืบสวน สตม. ประสานกับ อ.วังม่วง จว.สระบุรี ทำการตรวจสอบ และพบว่ามีรายชื่อหญิงไทย จำนวน 300 ราย ที่อาจจดทะเบียนสมรสกับชาวอินเดียโดยมิชอบ หรือโดยอำพราง และต่อมามีชาวอินเดียบางราย นำทะเบียนสมรสที่ได้ออกโดยส่วนราชการโดยมิชอบด้วยกฎหมายนั้น ไปใช้ในการยื่นขออยู่ต่อในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว โดยอ้างเหตุในการขออยู่ต่อเพื่ออุปการะภรรยา หรือเยี่ยมคู่สมรสชาวไทย ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นเหตุให้ต้องเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร ส่วนรายชื่อที่เหลือประมาณ 1,700 ราย เจ้าหน้าที่จะต้องตรวจสอบว่ารายชื่อผู้จดทะเบียนสมรสได้อยู่กินกันจริงหรือไม่ หากพบความผิดปกติจะถูกเพิกถอนใบสมรสทันที นอกจากนี้ตำรวจได้ออกหมายจับชาวอินเดียอีกกว่า 300 ราย ที่มีพฤติการณ์แอบอ้างการจดทะเบียนกับหญิงไทยเพื่ออยู่ในประเทศไทย ต่อมาดำเนินคดี โดยมีผู้กระทำผิดบางส่วนหลบหนีออกนอกประเทศ แต่ขณะที่บางส่วนที่ยังคงอยู่ในประเทศไทย 



“เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวมีการขยายผลจับกุมชาวต่างชาติอยู่ในราชอาณาจักรไทยเกินกำหนด หรือโอเวอร์สเตย์ โดยขยายผลตรวจสอบรายชื่อบัตรประชาชนหญิงไทย มากกว่า 2,000 ราย ที่ถูกปลัด อ.วังม่วง จว.สระบุรี 2 ราย และเจ้าหน้าที่ธุรการ รวมทั้งสิ้น 3 ราย ร่วมกันทุจริตนำรายชื่อ อาทิ สำเนาการกู้ยืมเงิน หรือรายชื่อที่ถูกคนใกล้ชิดนำไปส่งต่อ จดทะเบียนสมรสโดยมิชอบ ก่อนส่งกลับไปให้เพื่อรับเงินค่านายหน้ารายชื่อละ 2,000 บาท ซึ่งขณะนี้ผู้กระทำผิดทั้ง 3 ราย ถูกไล่ออกจากราชการ ข้อหาปลอมแปลงเอกสารทางราชการ ตั้งแต่ปี 2558”  พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าว

ทั้งนี้ ได้ช่วยเหลือพาผู้หญิงไทยซึ่งมีรายชื่อเป็นคู่สมรสของชาวอินเดียไปทำการเพิกถอนการจดทะเบียนสมรส ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายดังกล่าวแล้วจำนวน 13 ราย และอยู่ในระหว่างการประสานติดตามผู้ที่มีรายชื่อตกเป็นคู่สมรสโดยที่ตนเองไม่ทราบเรื่องดังกล่าวมาให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อดำเนินการเพิกถอนการจดทะเบียนสมรสที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายต่อไป

 

ภาพ:สวพ.91