มท. เร่งเดินหน้าขับเคลื่อนการลงพื้นที่โครงการไทยนิยม

วันนี้ (15 พ.ย. 61) ณ ห้องประชุมราชสีห์ ศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทยพลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นประธานการประชุมมอบแนวทางการลงพื้นที่ ครั้งที่ 4 ของทีมขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศไทยตามโครงการไทยนิยม ยั่งยืนระดับตำบล/ชุมชน ผ่านระบบวีดีทัศน์ทางไกล (Video Conference) ไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ โดยมี นายสุธี มากบุญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ร้อยตำรวจโท อาทิตย์ บุญญะโสภัต อธิบดีกรมการปกครอง และนายทวีป บุตรโพธิ์, นายโชคชัย แก้วป่อง รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เข้าร่วมการประชุม


        พลเอก อนุพงษ์ฯ กล่าวว่าโครงการไทยนิยม ยั่งยืนได้มีการลงพื้นที่ไปแล้ว 3 ครั้ง โดยจะเริ่มครั้งที่ 4 วันที่ 16 พ.ค 2561 โดยที่ผ่านได้มีการรับทราบปัญหาความต้องการของประชาชน และขณะนี้อยู่ในช่วงของการจัดทำแผนงาน/โครงการ ให้ตรงกับความต้องการของประชาชน เพื่อพัฒนาอาชีพ ยกระดับรายได้ของประชาชนให้เพิ่มขึ้น ซึ่งถือเป็นประเด็นสำคัญของโครงการไทยนิยม ยั่งยืน โดยในขณะนี้ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ดังนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอจะต้องพิจารณาคัดกรองโครงการให้เหมาะสม เช่น หากเป็นโครงการประเภทโครงสร้างพื้นฐานควรเป็นโครงการที่สามารถสร้างรายได้ กระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากหรือเชื่อมโยงส่งเสริมการท่องเที่ยว รวมถึงคำนึงการมีส่วนร่วม โดยให้เชิญภาคเอกชน  ภาคประชาสังคม และสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาในพื้นที่เข้ามามีส่วนร่วมในการกลั่นกรองเสนอแนะ ให้ความเห็นในการจัดทำโครงการ


จากนั้น นายบุญธรรมฯ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่าจากลงพื้นที่ทั้ง 3 ครั้ง ทำให้รับทราบปัญหาความต้องการของประชาชน จำนวน 726,784 รายการ ปัจจุบันการลงพื้นที่ ครั้งที่ 3 ดำเนินการเสร็จแล้วกว่า 95% สำหรับการลงพื้นที่ ครั้งที่ 4 ของทีมขับเคลื่อนฯ ระดับตำบล/ชุมชน ขอให้เพิ่มเติมประเด็นในการลงพื้นที่ ได้แก่  1) ให้นำข้อมูลมาตรการเกี่ยวกับการส่งเสริมการปลูกข้าวคุณภาพดีและมาตรการช่วยเหลือชาวนาอื่น ๆ ของรัฐบาล เช่น การลดต้นทุนการผลิตไปประชาสัมพันธ์  2) ให้ตอบแบบสอบถามความเข้มแข็งและศักยภาพของหมู่บ้าน/ชุมชน และตำบล ตามแบบที่สำนักงานรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกำหนด เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับการวิเคราะห์เชิงพื้นที่ (Area Based) ในด้านต่าง ๆ เพื่อให้รับทราบจุดเด่น จุดด้อย ศักยภาพ แต่ละหมู่บ้าน/ชุมชน ตำบล รวมทั้งหาแนวทางในการช่วยเหลือประชาชนตามลำดับความสำคัญของปัญหาหรือความจำเป็นเร่งด่วนเพื่อเป็นฐานข้อมูลต่อไป


ร้อยตำรวจโท อาทิตย์ ได้กล่าวเน้นย้ำเพิ่มเติมการพิจารณาคัดกรองโครงการหมู่บ้าน/ชุมชนละ 200,000 บาท ให้นายอำเภอร่วมกับภาคประชาสังคม ภาคการศึกษา องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพิจารณาโครงการให้เกิดการเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนอย่างแท้จริงและให้มีผู้ประสานงานระดับอำเภอเพื่อเพิ่มความรวดเร็ว  โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและปลัดจังหวัดกำกับดูแลด้วย

ท้ายสุดนี้ รัฐมนตรีการกระทรวงมหาดไทยได้เน้นย้ำให้ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอดำเนินการจัดทำแผนงาน/โครงการตามความต้องการของประชาชนที่เน้นการสร้างรายได้ให้เพิ่มขึ้น โดยการมีส่วนร่วมของภาคส่วนต่าง ๆ และต้องดำเนินการทุกอย่างด้วยความโปร่งใส.