ศาลปกครองพิพากษายืน เพิกถอนหนังสือเดินทางทักษิณชอบด้วยกฎหมาย


ศาลปกครองกลางนัดอ่านคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด คดีที่นาย ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้ฟ้อง ยื่นฟ้องอธิบดีกรมการกงศุลกับพวกรวม 2 คน จากการออกคำสั่งเพิกถอนหนังสือเดินทางพาสปอร์ตโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งศาลปกครองสูงสุดพิเคราะห์แล้วยืนตามศาลปกครองกลางพิพากษายกฟ้อง โดยเห็นว่าการออกคำสั่งเพิกถอนหนังสือเดินทางของนายทักษิณทั้ง 2 เล่มชอบด้วยกฎหมาย เป็นเหตุให้คำอุทธรณ์ของผู้ฟ้องตกไป 

สำหรับพฤติการณ์แห่งคดี เกิดจากกรณีที่นายทักษิณ ให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศที่เกาหลีใต้ถึงการรัฐประหารในประเทศไทยเมื่อปี 2557 โดยมีถ้อยความพาดพิงถึงองคมนตรีว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง และมีถ้อยความทำลายความมั่นคงของประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงสืบสวนสอบสวนเอาผิดและเสนอให้ยกเลิกหนังสือเดินทาง และในวันที่ 26 พฤษภาคม 2558 จึงมีการยกเลิกหนังสือเดินทางทั้ง 2 เล่ม โดยศาลพิเคราะห์แล้วว่าการให้สัมภาษณ์ของนายทักษิณ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อสถาบันฯ และการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ดังนั้นการยกเลิกหนังสือเดินทางจึงเป็นดุลยพินิจที่เหมาะสมแล้ว นอกจากนี้ศาลปกครองยังพิเคราะห์ว่าการเพิกถอนหนังสือเดินทางไม่ได้มีผลโดยตรงในการห้ามเดินทาง และรัฐย่อมมีอำนาจปฏิเสธการออกหนังสือเดินทางเพื่อป้องกันผู้กระทำผิด หลบหนีและป้องกันการกระทำอันเสื่อมเสียแก่ประเทศ 



ศาลปกครองสูงสุดยังได้พิเคราะห์ในประเด็นต่างๆที่ผู้ฟ้องยื่นอุทธรณ์อีกหลายประเด็น แต่มีคำพิพากษาไม่เห็นด้วยทั้งหมด เช่น คำอุทธรณ์ที่ว่าการออกคำสั่งยกเลิกหนังสือเดินทางเป็นไปเพราะมีเหตุจูงใจทางการเมือง ศาลปกครองสูงสุดพิเคราะห์ว่าไม่อาจฟังได้ เพราะคำให้สัมภาษณ์กระทบต่อความมั่นคงจริง รวมถึงกรณีที่ผู้ฟ้องอุทธรณ์ว่ากรณีตัวเองไม่ได้เป็นกรณีเดียวที่ทำผิดเช่นนี้ ยังมีอีกหลายกรณี แต่เหตุใดเจ้าหน้าที่รัฐจึงไม่ดำเนินการ ถือเป็นการเลือกปฏิบัติหรือไม่ โดยศาลปกครองสูงสุดพิเคราะห์ว่า รับฟังไม่ได้ เนื่องจากไม่ใช่ข้ออ้างที่จะเรียกร้องความเป็นธรรม เพราะข้ออ้างที่จะเรียกร้องความเป็นธรรมได้ ต้องเกิดจากการทำถูกแล้วไม่ได้รับความเป็นธรรม แต่กรณีนี้เกิดจากการทำผิดแต่เรียกร้องให้คนอื่นที่ทำผิดเหมือนกันต้องรับโทษด้วย เป็นต้น