สสส.ชวน “กินผักและผลไม้ 400 กรัม”

สสส.ชวนหน่วยงานรัฐ บริษัทยักษ์ใหญ่ ร่วมแคมเปญ “กินผักและผลไม้ 400 กรัม” ปรับสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการกินผักผลไม้ ดึงหนุ่มสาวออฟฟิศเข้าคอร์สทานผัก ผลไม้ต่อเนื่อง 21 วัน สร้างสุขภาพดี พร้อมตั้งเป้าคนไทยกินผักผลไม้เพียงพอเพิ่มเป็นร้อยละ 50 ภายในปี 2564

วันที่ 16 มีนาคม ที่มูลนิธิเอ็มโอเอไทย โครงการพัฒนากลุ่มผู้บริโภคผักผลไม้ปลอดภัย 400 กรัมเพื่อสุขภาพ ในสำนักงาน ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดกิจกรรมสร้างทัศนคติที่ดี และประสบการณ์ตรงในการบริโภคผักผลไม้ปลอดภัยอย่างน้อยวันละ 400กรัม เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจ 2.ชวนเพาะต้นกล้าผัก 3. ลองทำน้ำผักผลไม้ปั่น 4.แนะนำวิธีล้างผักที่ถูกต้อง 5.“เลือกผักอินทรีย์ ๔๐๐ กรัมมาทำอาหาร”

 




ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมวิถีชีวิตสุขภาวะ สสส. กล่าวว่า โครงการกินผักและผลไม้ดี 400 กรัม เป็นหนึ่งในงานที่สสส. มุ่งส่งเสริมให้คนไทยบริโภคผักผลไม้ให้ได้อย่างน้อยวันละ 400 กรัม ตามที่องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำ ตั้งเป้าให้คนไทยบริโภคผักและผลไม้อย่างเพียงพอเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 25.9 เป็นร้อยละ 50 ภายในปี 2564 โดยเข้าไปสนับสนุนทั้งภาครัฐ เอกชน และสถานประกอบการให้จัดกิจกรรมสร้างความรู้ความเข้าใจ สร้างสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการบริโภคผักและผลไม้ให้แก่เจ้าหน้าที่ในหน่วยงาน เช่น การจัดตลาดนัดผักและผลไม้ การเสิร์ฟผลไม้แทนของหวานระหว่างการประชุม การอบรมแม่ครัว หรือร้านอาหารให้เพิ่มสัดส่วนผักและผลไม้ในเมนูมากขึ้นกว่าเดิม     

 

    

“สสส.ต้องการให้ประชาชนเข้าถึงอาหารที่ปลอดภัย รู้แหล่งที่มาของผักที่จะทาน หากปลูกเพื่อทานในครัวเรือน โดยปลอดจากสารเคมีต่างๆ ก็จะดีมาก บางคนอาจรู้สึกว่าการกินผักให้ได้ 400 กรัมต่อวันเป็นเรื่องยาก เพราะไม่รู้ว่าขนาดไหนหรือเท่าไหร่ถึงจะได้ตามที่ ง่ายที่สุดคือดูที่จานอาหารเรา แต่ละมื้อต้องมีผักอย่างน้อยครึ่งจาน หนึ่งในสี่เป็นเนื้อสัตว์ ที่มีไขมันต่ำ ที่เหลือเป็นข้าว ถ้าทำได้แบบนี้ทุกมื้อ เรากินผักครบ 400 กรัมแน่นอน นอกจากนี้การปรุงควรคำนึงถึงผลกระทบที่มีต่อร่างกาย หากหวาน มัน เค็ม เกินพอดี ก็จะเป็นผลเสีย เป็นบ่อเกิดของโรคภัยต่างๆ ได้”ดร.นพ.ไพโรจน์ กล่าว

น.ส.จันทร์จิดา งามอุไรรัตน์หัวหน้าโครงการพัฒนากลุ่มผู้บริโภคผักผลไม้ปลอดภัย 400 กรัมเพื่อสุขภาพ ในสำนักงาน กล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2560 โครงการฯ ได้เข้าไปสนับสนุนองค์กรต้นแบบทั้งภาครัฐและเอกชนจำนวน 6 แห่ง โดยเชิญชวนพนักงานเจ้าหน้าที่องค์กรละ 80 ราย อบรมให้สร้างความรู้ความเข้าใจ และสาธิตการทำเมนูอาหารจากผักและผลไม้ พร้อมทั้งสมัครใจเข้าร่วมโปรแกรมการกินผักและผลไม้อย่างน้อยวันละ 400 กรัมต่อเนื่องติดต่อกันเป็นเวลา 21 วัน จนได้ผู้ที่รับประทานผักและผลไม้อย่างสม่ำเสมอรวมทั้งหมดจำนวน 43 ราย โดยทุกคนจะต้องมาถอดบทเรียนร่วมกันหลังเข้าร่วมกิจกรรมและการรับประทานผักและผลไม้ในแต่ละมื้อว่าเป็นอย่างไร ซึ่งทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า มีสุขภาพดีขึ้น เช่น ระบบขับถ่าย ผิวพรรณ เป็นต้น และได้คัดเลือกบุคคลต้นแบบจำนวน 33 ราย เพื่อเป็นต้นแบบให้กับคนในองค์กรและถ่ายทอดประสบการณ์ต่อไป

“นอกจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคผักและผลไม้ที่มากขึ้นแล้ว ยังรวมไปถึงความใส่ใจในการเข้าครัวและความพิถีพิถันในการเลือกวัตถุดิบมาทำอาหาร ซึ่งวิธีนี้จะทำให้เราได้รับประทานผักและผลไม้ได้ตามปริมาณที่เหมาะสม มากกว่าการรับประทานอาหารนอกบ้าน ซึ่งบางเมนูมีอัตราส่วนของผักและผลไม้น้อยมาก หรือบางคนอาจจะกังวัลว่าผักและผลไม้มีสารเคมีปนเปื้อน ซึ่งการล้างผักและผลไม้อย่างถูกวิธีก็จะช่วยได้ แต่ถ้าไม่ทานเลยร่างกายก็จะไม่ได้รับวิตามิน หรือกากใยที่จำเป็นต่อร่างกาย ย่อมไม่เป็นผลดีต่อร่างกายแน่นอน” น.ส.จันทร์จิดากล่าวและว่า ในปี 2561 นี้ เตรียมขยายผลการดำเนินโครงการด้วยการสนับสนุนองค์กรพันธมิตรอีก 10 แห่ง อาทิ ธนาคารไทยพาณิชย์ เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป โตโยต้าเคมอเตอร์ ฯลฯ มาร่วมดำเนินกิจกรรมและร่วมรณรงค์การส่งเสริมการบริโภคผักและผลไม้ 400 กรัม ให้ขยายวงกว้างเป็นที่รับรู้ในสังคมมากขึ้น