DITP ตั้งเป้าพัฒนา SMEs ไทยสู่สากล จัดเสวนา E-Marketplace


นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เผยถึงความสำคัญของการจัดเวทีเสวนาในครั้งนี้ว่า “ปัจจุบันพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ หรือ อีคอมเมิร์ซ เข้ามามีบทบาทสำคัญในการประกอบธุรกิจในยุคที่ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว และทุกที่ทุกเวลา จะเห็นได้จากจำนวนผู้ซื้อสินค้าผ่านออนไลน์ในปี 2560 จากทั่วโลกกว่า 1,600 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 21 ของจำนวนประชากรโลก และอีคอมเมิร์ซได้สร้างมูลค่าของการซื้อขายออนไลน์ทั่วโลก มากกว่า 10,215 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยเฉพาะรูปแบบ B2B คิดเป็นมูลค่าถึง 7,661 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จะเห็นได้ว่าการค้าออนไลน์เป็นสิ่งที่ธุรกิจในยุคปัจจุบันหลีกเลี่ยงไม่ได้

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ในฐานะที่เป็นผู้ให้บริการตลาดกลาง-พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์Thaitrade.com มาตั้งแต่ปี 2554 จนถึงปัจจุบัน มีสมาชิก ผู้ขายไทยกว่า 23,000 บริษัท สมาชิกผู้ซื้อจากทั่วโลกกว่า 160,000 ราย สร้างมูลค่าการค้าไปแล้วกว่า 4,500 ล้านบาท นอกเหนือจากบริการส่งเสริมการค้าออนไลน์อย่างครบวงจรแล้ว กรมยังได้รับรางวัล “ดับเบิ้ลยูซิส ไพรส์ 2016” (WSIS Prize 2016) มอบโดยองค์การสหประชาชาติ จากโครงการ“พัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการค้า-ออนไลน์” หรือ“สมาร์ทออนไลน์เอสเอ็มอี” (Smart Online SMEs) หรือเรียกย่อๆ ว่า “เอส โอ เอส” (S.O.S) ในการสร้างรายได้ให้กับชุมชนผ่านช่องทางออนไลน์ได้ดีที่สุดในโลก 

ทางกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพของผู้ประกอบการไทย จึงได้มีแนวทางการดำเนินโครงการโดยให้ความสำคัญกับการขยายโอกาสทางการค้า เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทย สามารถขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ไปต่างประเทศได้มากขึ้น ผ่านกิจกรรมการจับคู่เจรจาธุรกิจ (Business Matching) ร่วมกับแพลตฟอร์ม e-marketplace ระดับสากลที่เป็นพันธมิตร รวมถึงการสร้างมูลค่าการขายได้เลยภายในงาน ซึ่งก็ได้รับความสนใจจาก e-market place ชั้นนำอย่าง T mall (จีน), eBay (สหรัฐอเมริกา), Paytm Mall (อินเดีย), Shop JJ (อินเดีย), Gosoko (แอฟริกา) และอื่นๆ มาร่วมจับคู่เจรจาธุรกิจและผู้ประกอบการที่เข้าร่วมงานกว่า 1,200 ราย โดยประเภทสินค้าที่แต่ละ e-marketplace ให้ความสนใจในตลาดออนไลน์ต่างประเทศ ยกตัวอย่าง เช่น T mall (จีน) ให้ความสนใจผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง ยางพารา อาหารประเภท มะม่วง มะพร้าวน้ำแร่ อาหารว่างจาก ทุเรียน ลำไย ขนมปังกรอบและผลิตภัณฑ์OTOP ส่วน Paytm Mall (อินเดีย) สนใจผลิตภัณฑ์แฟชั่นทั้งชายหญิง ไม่ว่าจะเป็น รองเท้า เครื่องนุ่งห่ม เครื่องประดับต่างๆ  Shop JJ (อินเดีย) ให้ความสนใจแฟชั่นเครื่องต่างกายที่เป็นงานหัตถกรรม Gosoko (แอฟริกา) ที่สนใจแฟชั่นเครื่องแต่งกายเครื่องประดับรวมถึงสินค้าสุขภาพ สปาความงาม และ Amazon (สหรัฐอเมริกา) ที่ยังคงให้ความสนใจกับของตกแต่งบ้าน เป็นต้น”  



นอกจากนี้ ยังมีไฮไลท์ของงานในแต่ละวัน หลังจากการเสวนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างผู้แทนการค้าและผู้เชี่ยวชาญด้าน e-marketplace แล้ว วันที่ 20 มีนาคม พบกับ การเสวนาในหัวข้อ “เตรียมความพร้อมการค้าออนไลน์เพื่อส่งออกไปตลาดจีนและสิงคโปร์” วันที่ 21 มีนาคม การเสวนาในหัวข้อ “เตรียมความพร้อมการค้าออนไลน์เพื่อส่งออกไปตลาดอินเดีย” และวันที่ 22 มีนาคม การเสวนาในหัวข้อ “เตรียมความพร้อมการค้าออนไลน์เพื่อส่งออกไปตลาดแอฟริกา” ซึ่งตลอดทุกวันยังภายในงานยังได้พบกับกิจกรรมคลินิกให้คำปรึกษาด้านการค้าออนไลน์(Thaitrade.com’s Clinic) 

ทั้งนี้สำหรับ โครงการต่อยอดการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการการค้าออนไลน์ Smart Online SMEs Plus (S.O.S+) ยังคงจัดต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 19  – 22 มีนาคม 2561 ตั้งแต่เวลา 9.00 – 16.30 น. ณ สถาบันผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ (NEA) กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ถนนรัชดาภิเษก ส่วนภูมิภาคเริ่มจากจังหวัดเชียงใหม่ ในวันที่ 27 มีนาคม 2561 ณ โรงแรมแคนทารี ฮิลส์ จังหวัดขอนแก่น วันที่ 29 มีนาคม 2561 ณ โรงแรมอวานี โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ สำหรับ ผู้ประกอบการที่สนใจเข้าร่วมงานสามารถติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหว และรายละเอียดโครงการได้ทางเว็บไซต์ Thaitrade.com หรือทาง www.facebook.com/ThaiTradedotcom/ สามาระติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ DITP Call Center 1169 โทรศัพท์ 02 507 7825 โทรสาร 02 547 5683-4 หรือ e-mail : [email protected]
 

ข่าวอื่นๆ ที่น่าสนใจ