“ปั่นไปไม่ทิ้งกัน” เข้าสู่วันที่ 7 “แพร่-ลำปาง” ระยะทาง 103 กิโลเมตร

   “ปั่นไปไม่ทิ้งกัน สานต่องานที่พ่อทำ No One Left Behind” ก้าวเข้าสู่วันที่ 7 ของการปั่นจากทั้งหมด 9 วัน โดยในช่วงเช้าได้มีพิธีปล่อยตัวนักปั่นจักรยานสามัคคี “คนตาดีช่วยคนตาบอด” ณ ลานกาดสามวัย อำเภอเมือง จังหวัดแพร่ โดยได้รับเกียรติจาก นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ เป็นประธานในพิธี  พร้อมด้วยหัวส่วนราชการต่างๆ ผู้แทนภาคเอกชน และประชาชน ร่วมปล่อยตัว

          สำหรับพิธีการปล่อยตัวในช่วงเช้าบรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยความคึกคัก มีประชาชนร่วมงานประมาณ 400 คน โดย นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ พร้อมด้วยนักปั่นจากกลุ่มและชมรมต่างๆ ในจังหวัดแพร่ มาร่วมปั่นจักรยานกับคณะนักปั่นจักรยานสามัคคี“คนตาดีช่วยคนตาบอด” เพื่อรณรงค์สิทธ์ของผู้พิการภายในจังหวัดแพร่จำนวนกว่า 150  คัน ก่อนที่ขบวนนักปั่นจักรยานสามัคคีจะแยกตัวเพื่อออกเดินทางต่อไปจังหวัดจังหวัดลำปาง โดยยังคงใช้ทางหลวงหมายเลข 11 มุ่งหน้าย้อนกลับเส้นทางเดิมที่ผ่านมาช่วงเย็นเมื่อวานเพื่อเข้าสู่อำเภอเด่นชัยและข้ามภูเขาไปยังจังหวัดลำปาง

เมื่อขบวนออกจากตัวเมืองไปประมาณ 28 กิโลเมตร ผ่านอำเภอเด่นชัยเส้นทางจะเป็นทางขึ้นเขาสูงชัน โดยมีระดับความสูงเฉลี่ยของเส้นทางอยู่ที่ประมาณ 200-586  เมตร มีจุดที่สูงชันและต้องระมัดระวังอันตรายอยู่สองช่วง ในระหว่างกิโลเมตรที่ 40 ถึง กิโลเมตรที่ 86 ซึ่งเป็นทางขึ้นเขาชันและมีทางลาดลงเขาระยะทางยาว

ด้วยสภาพเส้นทางที่เป็นภูเขาทำให้ในช่วงนี้นักปั่นไม่สามารถเกาะขบวนเป็นกลุ่มใหญ่ได้ นักปั่นบางคู่จะต้องปั่นขึ้นไปอย่างช้าๆ ทำให้ขบวนแยกกลุ่มห่างจากกันไปตามกำลังขาของแต่ละคน บางคู่ต้องจอดพักเหนื่อยเอาแรงระหว่างทางบ้าง แต่ทุกคนก็สามารถกลับมาปั่นได้อีกครั้ง โดยไม่มีใครย้อมแพ้  โดยทั้ง 40 ชีวิตสามารถปั่นจักรยานข้ามผ่านภูเขาที่เป็นรอยต่อระหว่างจังหวัดแพร่และจังหวัดลำปางในช่วงนี้ไปได้ทุกคน

โดยหลังจากหยุดพักรับประทานอาหารกลางวันที่บริเวณหน่วยบริการประชาชนบ้านแม่แขม คณะนักปั่นก็ออกเดินทางต่อ สภาพเส้นทางก็ยังเป็นถนนบนภูเขาเป็นทางขึ้นลงสลับกันไป โดยไปถึงที่จุดหมายคือ โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์จิตอารีย์ จังหวัดลำปาง ในเวลา 17.00 น. รวมระยะทางการปั่นจักรยานในวันนี้ทั้งสิ้น 103 กิโลเมตร

          บรรยากาศตามจุดแวะพักต่างๆ ค่อนข้างคึกคัก ยังคงมีพี่น้องประชาชนที่ทราบข่าวมารอปรบมือต้อนรับ ให้กำลังใจ และร่วมบริจาคเงินให้กับคณะนักปั่น นอกจากนี้ยังมีกลุ่มและชมรมจักรยานจากต่างๆ ที่ เมื่อทราบข่าวก็จะมีการรวมกลุ่มมาคอยให้กำลังใจและร่วมปั่นจักรยานกับนักปั่นตาบอดอยู่เป็นระยะๆ ด้วย โดยผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้ามาร่วมขบวนอย่างต่อเนื่อง

ซึ่งนักปั่นทั้ง 40 คน วันนี้เริ่มมีสภาพที่อ่อนล้ามากกว่าทุกวัน เนื่องจากการปั่นจักรยานขึ้นเขาต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 ประกอบกับเส้นทางในวันค่อนข้างไกลและอยู่บนภูเขาเกือบทั้งหมด แต่ทุกคนก็ยังมีกำลังใจที่เข้มแข็ง และพร้อมที่จะปั่นพิชิตเป้าหมายเส้นทางที่สูงชันอีก 2 วันที่เหลือด้วยใจมุ่งมั่น

สำหรับโครงการปั่นไปไม่ทิ้งกัน ขณะนี้เข้าสู่วันที่ 7 โดยปั่นจักรยานผ่านมาแล้ว 7 จังหวัด ประกอบไปด้วย กรุงเทพฯ สุพรรณบุรี ชัยนาท นครสวรรค์ พิษณุโลก อุตรดิตถ์ และแพร่ โดยมีจุดหมายที่จังหวัดลำปางเป็นจังหวัดที่ 8 รวมระยะทางในการปั่นตลอด 6 วันที่ผ่านมา 680 กิโลเมตร

ยังเหลือเวลาอีก 2 วัน กับระยะที่ท้าทายทางอีก 187 กิโลเมตร ซึ่งเส้นทางนับจากนี้ยังเป็นถนนบนภูเขาที่สูชัน ต้องใช้พละกำลังค่อนข้างมากไม่แพ้เส้นทางปั่นตลอดทั้ง 2 วันที่ผ่านมาวันนี้ โดยเฉพาะเส้นทางจากจังหวัดลำปางมุ่งหน้าสู่จังหวัดเชียงใหม่ ที่จะต้องผ่านบางช่วงของดอยขุนตาลที่มีความสูงของเส้นทางเฉลี่ย 400-600 เมตรจากระดับน้ำทะเล ซึ่งเป็นเส้นทางที่มีความสูงชันไม่น้อยกว่าทุกวันที่ผ่านมา

โดยขบวนนักปั่นปั่นจักรยานสามัคคี “คนตาดีช่วยคนตาบอด” มีกำหนดการเดินทางถึงสถานที่ก่อสร้างศูนย์ฝึกอาชีพคนพิการอาเซียน ที่อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ในวันจันทร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ 2561  สำหรับยอดเงินบริจาคในขณะนี้โดยนับตั้งแต่ วันที่ 8 ถึง 2 กุมภาพันธ์ 2561 หรือนับตั้งแต่วันแถลงข่าวเปิดตัวโครงการฯ จนถึงการจัดกิจกรรมปั่นจักรยานวันที่ 6 เป็นจำนวนเงินรวมทั้งสิ้น  23,695,592.93 บาทบาท

ล่าสุดทาง สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ได้ร่วมบริจาคเงินสนับสนุนโครงการปั่นไปไม่ทิ้งกันฯ เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 1 ล้านบาท ซึ่งเมื่อคณะนักปั่นจักรยานสามัคคีทราบข่าวนี้ ก็ทำให้ทุกคนดีใจและมีกำลังใจมากยิ่งขึ้น

สำหรับ โครงการปั่นไปไม่ทิ้งกัน สานต่องานที่พ่อทำ No One Left Behind ถือเป็นครั้งแรกของประเทศไทย ที่ผู้พิการตาบอดจำนวน 20 ชีวิต ร่วมกับนักปั่นจิตอาสาปั่นนำอีก 20 ชีวิต จะรวมพลังสามัคคีปั่นจักรยานจากกรุงเทพฯ ถึงเชียงใหม่ เป็นระยะทางรวมกว่า 867 กิโลเมตร 9 วัน 9 จังหวัด ระหว่างวันอาทิตย์ที่ 28 มกราคม ถึงวันจันทร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 โดยเริ่มต้นจากกรุงเทพมหานคร ผ่านจังหวัดสุพรรณบุรี จังหวัดชัยนาท จังหวัดนครสวรรค์ จังหวัดพิษณุโลก จังหวัดอุตรดิตถ์ จังหวัดแพร่ จังหวัดลำปาง และจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อหาทุนสนับสนุนการก่อสร้าง ศูนย์ฝึกอาชีพคนพิการอาเซียน ที่อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อสร้างงานสร้างอาชีพให้ผู้พิการอย่างยั่งยืนยั่งยืน และยังเป็นการสานต่องานที่ “พ่อ” ทำด้วยการเปลี่ยน “ภาระ” ให้กลายเป็นอีกหนึ่ง “พลัง” ในการพัฒนาและสร้างสรรค์สังคม.