ศาลปกครอง สั่ง สตช.ชดใช้เหยื่อสลายพธม.ปี51 รายละ 7 พัน ถึง 4 ล.

ศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษา ในคดีที่นายชิงชัย อุดมเจริญกิจ กับ พวกรวม 250 คน ผู้ฟ้องคดี ฟ้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 และสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ถูกฟ้องคดที 2 กรณีสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย บริเวณรอบรัฐสภา เมื่อวันที่ 7 ต.ค.2551ทำให้ผู้ชุมนุมได้รับความเสียหายบาดเจ็บและเสียชีวิต

โดยคดีนี้ศาลปกครองกลางวินิจฉัยว่า การกระทำของเจ้าหน้าที่ของผู้ถูกฟ้องทั้งสองเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุเป็นการกระทำละเมิดแก่ผู้ฟ้องคดีและผู้ร้องสอด และมีคำพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดี ทั้งสองชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้ฟ้องคดีจำนวน 254 ราย

โดยศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยว่า ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองมีอำนาจหน้าที่ยับยั้งการชุมนุมที่เป็นไปโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมายโดยปิดล้อม บริเวณรัฐสภาเพื่อไม่ให้รัฐบาลแถลงนโยบายได้แต่ไม่ว่าการชุมนุมจะเป็นไปโดยสงบที่จะได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ ผู้ที่มีอำนาจหน้าที่ก็ต้องปฏิบัติต่อ ผู้ชุมนุมตามขั้นตอนและวิธีการที่เหมาะสม 


แต่การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีข้อบกพร่องในขั้นตอนการเตรียมการหารถดับเพลิงมาใช้ในการสลายการชุมนุมและวิธีการยิงแก๊สน้ำตา ประกอบกับแก๊สน้ำตาที่นำมาใช้ได้ซื้อมาเป็นเวลานานจึงมีประสิทธิภาพต่ำ ทำให้ต้องใช้แก๊สน้ำตาจำนวนมากเกินกว่าที่จะใช้โดยปกติทั่วไป ทำให้เกิดการปั่นป่วนชุลมุนและผู้ชุมนุมได้รับอันตรายเกิด ความเสียหายแก่ชีวิติร่างกายและทรัพย์สิน ของผู้ชุมนุมจึงเป็นการกระทำละเมิดที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็น หน่วยงานต้นสังกัดของเจ้าหน้าที่ต้องรับผิดในความเสียหายดังกล่าว


ส่วนสำนักนายกรัฐมนตรี หรือผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 นั้น มติคณะรัฐมนตรี ที่ให้มีการประชุมแถลงนโยบายที่รัฐสภาเป็นไปตามปกติ ซึ่งหากมีเหตุการณ์ไม่สงบเรียบร้อย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเช่นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สมควรติดตามสถานการณ์และเตรียมการเพื่อป้องกันแก้ไขปัญหา นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีจึงไม่ได้กำหนดขั้นตอนและวิธีการในการสลายการชุมนุม จึงไม่ได้กระทำละเมิดที่สำนักนายกรัฐมนตรีจะต้องรับผิดชอบต่อผู้ไดรับความเสียหายสำหรับความรับผิดชอบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นั้น การกระทำละเมิดสืบเนื่องมาจากการชุมนุมบางส่วนที่มีลักษณะทำให้ผู้อื่นเกรงกลัวซึ่งเป็น หน้าที่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่จะต้องระงับยับยั้งการกระทำดังกล่าว จึงให้ลดค่าเสียหายลงจากที่ ศาลปกครองกลางกำหนด


ศาลปกครองสูงสุดจึงมีคำพิพากษาแก้คำพิพากษาของศาลปกครองกลาง เป็ นให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้ฟ้องคดีและ ผู้ร้องสอด จำนวน 254 ราย เป็นเงินตั้งแต่ 7,120 บาท ถึง 4,152,771 บาท พร้อมดอกเบี้ย และยกฟ้องสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้ถูกฟ้องคดีที่2