ผบ.ตร.ยัน 4 ผู้ต้องหา คดีคอลเซนเตอร์ ไม่เกี่ยว ณิชา

พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว และ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงผลจับกุมผู้ต้องหา 4 ราย ขโมยบัตรประจำตัวประชาชนของ น.ส.ณิชาไปเปิดบัญชีเงินฝากธนาคาร และ มีความเชื่อมโยงกับแก๊งโรแมสสแกรม ซึ่งผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย ประกอบไปด้วย  นาย อายัค  ไซมอน อีโก้ สัญชาติแคเมอรูน ซึ่งทำหน้าที่จ้างวาน และ นำบัตรเอทีเอ็มไปกดเงิน นางสาวเจรติ หรือ แอน สายสิน ทำหน้าที่รับเปิดบัญชี จำนวน 3 บัญชี  นางสาวปวีณา หรือ อ้อม สิงห์วิบูลย์ ทำหน้าที่รับเปิดบัญชี จำนวน 5 บัญชี และนางสาวพรหมพร หรือ แตน พงษ์เจริญคุณากร  ทำหน้าที่เปิดบัญชี จำนวน 2 บัญชี

ซึ่งคดีนี้ เกิดขึ้นจากการที่ผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย ได้ขโมยบัตรประจำตัวประชาชนของ น.ส.ณิชา ไปทำการเปิดบัญชีธนาคาร จำนวน 10 บัญชี จาก 8 ธนาคาร ก่อนจะนำบัญชีไปใช้หลอกลวงเหยื่อให้โอนเงินเข้าผ่านบัญชีดังกล่าว จนกระทั่งเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2560 นางการต์สินี ยะเมา อายุ 51 ปี ซึ่งเป็นผู้เสียหายได้เข้ามาแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านตาก จ.ตาก โดยถูกคนร้ายหลอกลวง ว่า จะส่งพัสดุมาจากต่างประเทศมาให้ แต่ผู้รับจะต้องเสียค่าธรรมเนียมจัดส่ง ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินให้ทั้งสิ้น 5 ครั้ง เป็นเงินจำนวนกว่า 340,000 บาท  และ ยังได้โอนไปยังบัญชีอื่น ๆ อีกหลายครั้ง ยอดรวมทั้งหมดกว่า 1,370,000 บาท

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ทำการสืบสวนสอบสวน จนกระทั่งขออำนาจศาลออกหมายจับ น.ส.ณิชา ซึ่งเป็นเจ้าของบัญชี แต่การสอบปากคำ น.ส.ณิชา กลับให้การว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหลอกลวง และ ไม่เคยเปิดบัญชีดังกล่าว อีกทั้งให้การ อีก ว่า ตนเองได้ทำบัตรประชาชนหาย 2 ครั้ง ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องทำการสืบสวนสอบสวนเพิ่มเติม จนพบว่า กลุ่มขบวนการดังกล่าวได้ขโมยบัตรประจำตัวประชาชนไปเปิดบัญชี ก่อนนำมาก่อเหตุหลอกลวงประชาชนในลักษณะดังกล่าว


พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากการสอบสวนทราบว่า น.ส.ณิชา ได้แจ้งบัตรประจำตัวประชาชนหายทั้งสิ้น 2 ครั้ง โดยครั้งแรกทำตอนอายุ 15 ปี และ บัตรก็หมดอายุไป ก่อนจะทำใหม่อีกครั้ง และ ได้ทำหายที่ร้านสะดวกซื้อ และ น.ส.ปวีณา ได้นำบัตรจากร้านสะดวกซื้อไป ก่อนจะนำไปเปิดสมุดบัญชีเงินฝากในเวลาต่อมา อีกทั้งจากการสืบสวนสอบสวนยังพบว่า น.ส.ณิชา กับ ครอบครัว ไม่มีความผิด และ ไม่เกี่ยวข้องกับแก๊งโรแมสสแกมอย่างแน่นอน




ส่วนประเด็นเงินหมุนเวียน จำนวน 6 ล้านบาท นั้น จากการตรวจสอบพบ ว่า เป็นยอดเงินหมุนเวียนทั้งหมดตั้งแต่ปี 2554 ไม่ใช่เงินก้อนเดียว 6 ล้านบาท ตามที่หลายฝ่ายเข้าใจ อีกทั้งประเด็นการโอนเงิน 100,000 บาท ของบัญชี น.ส.ณิชาตัวจริง ออกไปยังบัญชีอื่น นั้น เกิดจากผู้ต้องหา คือ น.ส.ปวีณา ได้เปิดแอพพลิเคชั่นการทำธุรกรรมการเงิน ทำให้เห็นบัญชีตัวจริงของ น.ส.ณิชา และ เงิน 1 แสนบาทนั้น ก็เป็นเงินที่ น.ส.ปวีณา โกงมาจาก นายไซม่อน


ด้าน น.ส.ณิชา ได้นำดอกไม้เข้าขอบคุณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมเปิดเผยความรู้สึกในใจ ว่า ตนเองขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นอย่างมาก ที่ช่วยให้ความจริงปรากฎ โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นบทเรียนสำคัญในชีวิต ซึ่งหลังจากนี้ตนเองจะรอบคอบในการใช้ชีวิตมากยิ่งขึ้น ส่วนเรื่องการฟ้องร้องธนาคารนั้น ตนเองอยู่ระหว่างการปรึกษาทนายความ ว่า จะต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป

ข่าวอื่นๆ ที่น่าสนใจ