พระปิดตาเมฆสิทธิ์ พิมพ์กระดุม หลวงปู่ทับ วัดอนงคาราม

0...วันนี้ชม พระปิดตาเมฆสิทธิ์ พิมพ์กระดุม หลวงปู่ทับ วัดอนงคาราม เขตคลองสาน กรุงเทพฯ หลวงปู่ทับท่านเป็นพระเกจิอาจารย์รุ่นเก่าที่เชี่ยวชาญในวิธีเล่นแร่แปรธาตุ เก่งทางคาถาอาคม ท่านได้หลอมโลหะจนได้โลหะเมฆสิทธิ์ ที่มีวรรณะสีสันสวยงามแปลกตา มีคุณวิเศษศักดิ์สิทธิ์ แม้แต่หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ก็ได้มาศึกษาและเปลี่ยนวิชากับท่าน ที่นำมาให้ชมเป็นพระปิดตาเมฆสิทธิ์ พิมพ์กระดุม อันเป็นพิมพ์นิยมของวงการ ค่านิยมอยู่ที่หลักแสนกลาง 
  
0..หลวงปู่ทับท่านได้จัดสร้าง พระเมฆสิทธิ์ไว้หลายพิมพ์เช่นพิมพ์ปางซ่อนหา พิมพ์ใหญ่ ซึ่งมีทั้งแต่งและไม่แต่ง, พิมพ์เล็บมือ, พิมพ์เล็ก มีทั้งแต่งและไม่แต่ง พระพิมพ์หลวงปู่ศุข พิมพ์ประภามณฑลซุ้มโค้ง-ซุ้มรัศมี พิมพ์ปิดตา พิมพ์พระชัยนิรันตราย พิมพ์พระชัยหัวไม้ขีด พิมพ์พระชัยกลีบบัว พิมพ์พระลีลา พิมพ์อุปคุต พิมพ์เม็ดน้อยหน่า พิมพ์ซุ้มชินราช นอกจากนี้ยังหล่อเป็นลูกอม และหัวแหวน  ส่วนพระพิมพ์พิเศษ มีให้เห็นน้อยมากแทบนับองค์ได้ 


0…เมฆสิทธิ์ นับเป็นโลหะวิเศษ และเป็นคู่แฝดกับเมฆพัด กรรมวิธีการสร้างก็คล้ายคลึงกัน ถ้าเป็นคนรุ่นเก่าจะเรียกการสร้างโลหะผส เมฆสิทธิ์ และเมฆพัดว่า “การเล่นแร่แปรธาตุ” เชื่อกันว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ในตัว เพราะขณะที่ทำการหลอมรวมจะต้องบริกรรมพระคาถากำกับไปด้วย สำหรับโลหะผสมเมฆสิทธิ์ประกอบด้วยแร่ธาตุ 4 ชนิดคือ เงิน สังกะสี ทองแดง และปรอท 
   
0...ในการหลอมนั้นมีการเสกซัดแร่ต่าง ๆพร้อมทั้งปรอทเป็นมวลสารและกำกับด้วยคาถาอาคมให้แร่ทั้งหลายแปรสภาพและเปลี่ยนวรรณะ โลหะที่ได้จากการหลอมจะมีลักษณะแข็งแต่ไม่แกร่ง เมื่อปอกผิวใหม่ ๆ จะออกวรรณะขาว วาวอย่างเงินยวง หากแช่น้ำร้อนหรือปล่อยให้สัมผัสอากาศจะค่อยเปลี่ยนเป็นสีเขียวที่สำคัญพระเนื้อเมฆสิทธิ์นี้ต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะตกจะแตกทันที เหมือนเนื้อเมฆพัตร  ว่ากันว่าการสร้างพระเมฆสิทธิ์น่าจะอยู่ในราวปีพ.ศ.2457 ถึง พ.ศ.2465  
 
0...พระเมฆสิทธิ์ของหลวงปู่ทับมีอายุสร้างนานร่วม 100 ปี จึงมีคราบความเก่าให้เห็น พระเนื้อเมฆสิทธิ์หากเก็บไว้ในที่มืดไม่มีแสงสว่างนานๆ เนื้อพระจะกลับดำไม่มีสีเขียว ต่อเมื่อนำมาใช้หรือนำมาถูกแสงสว่างจึงจะคืนเนื้อเดิมเองเป็นที่น่าอัศจรรย์และบสงองค์เนื้อพระมีสีเขียวเข้ม บางองค์เข้มจนดำ หรือเขียวอมเหลืองเล็กน้อย เมื่อขัดเนื้อพระจะมีสีขาวแวววาว แต่ทิ้งไว้ไม่นานก็กลับเขียวดังเดิม 
 
0...มีเรื่องเล่าว่าหลวงปู่ใช้การเพ่งเตโชกสิณ อันเป็นกสิณธาตุไฟร่วมในการหลอมเนื้อพระเมฆสิทธิ์ ซึ่งทำให้ความร้อนในการหลอมพระเนื้อเมฆสิทธิ์นั้นคงที่ ทำให้เนื้อพระมีความแวววาว ซึ่งนอกจากจะมีอานุภาพในการคุ้มครองความปลอดภัย และเมตตามหานิยมให้กับผู้ที่มีไว้ในครอบครองแล้ว ยังเชื่อว่าสามารถคุ้มครองดวงชะตามิให้ตกต่ำอีกด้วย 
  

0...เชื่อกันว่าพุทธคุณของพระเมฆสิทธิ์นั้น หากมีเรื่องเคราะห์ร้ายก็จะช่วยให้กลายเป็นดีได้ และสามารถสื่อเหตุการณ์ล่วงหน้าได้ ถ้าจะมีเหตุร้ายเกิดขึ้น สีเขียวเข้มอมเหลืองมันวาวแบบปีกแมลงทับขององค์พระจะเปลี่ยนสีเป็นดำ เจ้าของพระจะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ หากจะมีการเดินทางก็ต้องยกเลิกการเดินทางนั้น  ถ้ายกเลิกไม่ได้ก็ให้นำพระเนื้อเมฆสิทธิ์ลงแช่น้ำสะอาด ตั้งจิตอธิษฐานขอให้น้ำนั้นเป็นน้ำพระพุทธมนต์อันศักดิ์สิทธิ์ บันดาลให้เกิดความปลอดภัยและเป็นสิริมงคลแก่ตัวเอง แล้วนำน้ำนั้นประพรมศีรษะพร้อมกับดื่มน้ำส่วนที่เหลือนั้น จะช่วยให้ปลอดภัยแคล้วคลาดจากอุบัติเหตุหรือสิ่งชั่วร้ายทั้งปวง  
 
0...พระปิดตาเนื้อเมฆสิทธิ์ ของหลวงปู่ทับ วัดอนงคาราม ปัจจุบันกลายเป็นวัตถุมงคลที่หายาก บางองค์สภาพสวยๆ ว่ากันเป็นหลักแสนหลักล้าน พุทธคุณโดดเด่นด้านเมตตามหานิยม มีโชคลาภ แคล้วคลาดปลอดภัย นอกจากนี้ยังเชื่อกันว่า พระเนื้อเมฆสิทธิ์ ถ้าได้ใช้คู่กับ พระราหูกะลาตาเดียวของหลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง จะช่วยคุ้มครองดวงชะตาให้ดีขึ้น คนที่เคราะห์ร้ายก็จะกลายเป็นดี หนุนดวงชะตาให้ดีขึ้น มีแต่ความมั่นคงตลอดไป ที่สำคัญเมื่อบูชาแล้วสามารถเรียกทรัพย์ได้ 
จากกันด้วยข้อคิด"หัวโขนที่สวมใส่ทุกตัวตน ย่อมมีวันเสื่อมและหมดอำนาจลง มีแต่ความดีเท่านั้นที่จะคงอยู่ตลอดไป"


 
เขียน : นายกองตรีอ้วน [email protected]