ศาลฎีกาฯจำคุก"ยิ่งลักษณ์"5ปีคดีจำนำข้าว-ไม่รออาญา

(27กย.60)  เมื่อเวลา 11.20 น. องค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษากลางลับหลังคดีจำนำข้าวที่มีน.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นจำเลย ซึ่งการไต่สวนคดีนี้ มีพยานโจทก์ 15 ปาก พยานจำเลย 42 ปาก โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยืนยันตลอดว่า โครงการจำนำข้าวเป็นโครงการยกเลิกไม่ได้ เพราะเป็นนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภา เป็นโครงการที่กระตุ้นเศรษฐกิจและช่วยเหลือชาวนา และไม่ได้ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริต ขณะที่พยานฝ่ายโจทก์ยืนยันตัวเลขความเสียหายนับแสนล้านบาท และมีความไม่โปร่งใสในโครงการ ล่าสุด ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อ่านคำพิพากษาให้จำคุกน.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นเวลา 5 ปี โดยไม่รอลงอาญา และให้ออกหมายบังคับคดี นำตัวมารับโทษตามคำพิพากษา


ศาลฎีกาฯ ได้พิพากษาเห็นว่าตามพฤติการณ์ของจำเลย แสดงให้เห็นว่าจำเลยทราบว่าสัญญาขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐไม่ชอบด้วยกฎหมายแต่ไม่ระงับยับยั้งปล่อยให้มีการส่งมอบข้าวตามสัญญาให้รัฐวิสาหกิจจีน ต่อไปอีก เป็นการแสวงหาผลประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับผู้อื่น


การกระทำของจำเลยจึงเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 เดิม และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ.2542 ม.123/1 ให้ลงโทษจำคุก 5 ปีโดยไม่รอลงอาญา และออกหมายจับให้มารับโทษตามกฎหมาย




ส่วนความเสียหายหลายประการเช่นการสวมสิทธิ์การรับจำนำข้าวการนำข้าว จากต่างประเทศมาสวมสิทธิ์ ข้าวสูญหายการออกใบประทวนอันเป็นเท็จ การใช้เอกสารปลอมการโกงความชื้นและน้ำหนักเพื่อกดราคารับซื้อข้าวชาวนา ข้าวสูญหายจากโกดัง ข้าวเสื่อมสภาพข้าวเน่า เป็นความผิดที่เกิดจากฝ่ายปฏิบัติ จำเลยในฐานะประธานกคสชได้มีการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการป้องกันความเสียหายไวตั้งแต่ตอนเริ่มโครงการ อีกครั้งเมื่อพบความเสียหายดังกล่าวในขณะดำเนินโครงการก็ได้มีการปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติเป็นระยะ เพื่อป้องกันความเสียหายแล้ว กรณีความเสียหายในส่วนนี้ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตหรือใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ