นายกฯพบ รมว.คลัง มาเลเซีย ย้ำสัมพันธ์แน่น ยันไทยพร้อมส่งเสริมโครงสร้างพื้นฐาน

วันนี้ (15 กันยายน 2560) เวลา 09.30 น. ดาโต๊ะ ซรี โจฮารี บิน อับดุล กาห์นิ (Datuk Seri Johari bin Abdul Ghani) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมาเลเซียคนที่สอง เข้าเยี่ยมคารวะพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ พลโท วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวสรุปสาระสำคัญการหารือดังนี้
 
นายกรัฐมนตรีกล่าวต้อนรับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมาเลเซียคนที่สอง และคณะผู้บริหารชมรมธุรกิจกัวลาลัมเปอร์ (Kuala Lumpur Business Club - KLBC) ในโอกาสเดินทางเยือนไทย หลังจากที่เคยเยือนไทยเมื่อเกือบ 10 ปีที่แล้ว ซึ่งถือเป็นมิติใหม่แห่งการหารือระหว่างทั้งสองฝ่าย โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีแสดงความเสียใจต่อการสิ้นพระชนม์ของสุลต่านแห่งรัฐเกดะห์ รวมทั้งต่อเหตุการณ์ไฟไหม้โรงเรียนสอนศาสนาที่กรุงกัวลาลัมเปอร์วานนี้ ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 25 ราย 
 
ในการนี้ นายกรัฐมนตรีแสดงความยินดีกับความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างไทยกับมาเลเซียในรอบด้าน และการเฉลิมฉลองการครบรอบ 60 ปี ของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย – มาเลเซีย โดยนายกรัฐมนตรีสนับสนุนให้ทั้งสองฝ่ายเชื่อมโยงระหว่างนโยบาย Thailand 4.0 ของไทย และวิสัยทัศน์ 2020 (Vision 2020) ของมาเลเซีย เพื่อสร้างสรรค์ประโยชน์ให้แก่และกัน รวมทั้งส่งผลดีต่อภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย 


 
ทั้งสองฝ่ายได้หารือถึงความร่วมมือในด้านต่าง ๆ ได้แก่ ด้านความมั่นคง นายกรัฐมนตรีขอรับการสนับสนุนจากมาเลเซียในการดูแลความสงบเรียบร้อยในบริเวณที่มีพรมแดนติดกัน เนื่องจากความมั่นคงของประเทศเป็นปัจจัยพื้นฐานสำหรับการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนต่อไป ด้านการท่องเที่ยว นายกรัฐมนตรีแสดงความขอบคุณนักท่องเที่ยวมาเลเซียที่เดินทางมาไทยเป็นจำนวนมาก นับเป็นอันดับ 2 รองจากจีน พร้อมย้ำว่ารัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยว อาทิ Thailand + 1 ที่จะช่วยยกระดับความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศให้เพิ่มสูงมากขึ้นด้วย ด้านความเชื่อมโยง นายกรัฐมนตรีแสดงความยินดีกับการเปิดเส้นทางการบินใหม่ระหว่างกรุงเทพฯ – เมืองโกตาคินาบาลู ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมาเลเซียคนที่สองเสนอให้ไทย – มาเลเซีย เพิ่มความเชื่อมโยงระหว่างกันให้มากขึ้น โดยเฉพาะความเชื่อมโยงระหว่างภาคใต้ของไทยและภาคเหนือของมาเลเซีย ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับการขนส่งระหว่างประเทศมากยิ่งขึ้น โดยนายกรัฐมนตรีได้ยืนยันความพร้อมของฝ่ายไทยในการส่งเสริมความเชื่อมโยงด้านโครงสร้างพื้นฐานกับมาเลเซียในพื้นที่ชายแดน ด้านเศรษฐกิจ นายกรัฐมนตรีชื่นชมบทบาทของภาคธุรกิจมาเลเซียที่เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนความร่วมมือด้านการค้าการลงทุนทั้งในมาเลเซียและในภูมิภาคนี้ พร้อมทั้งเชิญชวนภาคเอกชนมาเลเซียให้สนับสนุนและลงทุนในโครงการที่สำคัญ ๆ ของไทย อาทิ อุตสาหกรรมเป้าหมาย (New S-Curve) เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน ระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) และเมืองยางพารา (Rubber City) ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญในการผลักดันการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในภูมิภาค
 
ในช่วงท้าย ทั้งสองฝ่ายต่างเห็นพ้องให้กระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือที่มีอยู่ให้แนบแน่นมากยิ่งขึ้น โดยนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำให้ยกระดับความร่วมมือด้านการค้าการลงทุนเป็นสำคัญ ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าทางการค้าระหว่างกัน เพื่อให้ทั้งสองประเทศสามารถเติบโตและแข็งแกร่งไปด้วยกัน “Stronger Together” ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้แจ้งว่าทางการไทยได้มีมติเห็นชอบแต่งตั้งนายโจจี แซมูแอล เอ็มซี แซมูแอล เป็นเอกอัครราชทูตมาเลเซียประจำประเทศไทยคนใหม่เรียบร้อยแล้ว และขอให้มั่นใจว่ารัฐบาลไทยจะสนับสนุนการทำงานและให้ความร่วมมือแก่เอกอัครราชทูตมาเลเซียฯ คนใหม่อย่างเต็มที่