บุกจับ “เอกอ้วน”ตัวสั่งการรายใหญ่เครือข่ายยาเสพติด คาบ้านหรูย่านเมืองนนท์

(12กย.60) พลตำรวจโทสมหมาย กองวิสัยสุข ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด  นำกำลังตำรวจปราบปรามยาเสพติด เปิดปฎิบัติการ “ชัยยะ สยบไพรี 60/6 ผลพวงของความโลภ เข้าจับกุมเครือข่ายยาเสพติด รายสำคัญ โดยจุดที่นำสื่อมวลชนเข้ามา คือบ้านของนาย จิรัฏฐ์ เพ็ญโสภณวิชญ์ ชื่อเดิม นายจรัญ คำสด หรือ เอกอ้วน อดีตผู้ต้องขังคดียาเสพติด ตัวการใหญ่ระดับสั่งการในเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ทำหน้าที่รวบรวมออเดอร์ยาเสพติดจากภาคต่างๆ และเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญา  โดยเข้ามาที่บ้านพักหรูแห่งหนึ่ง บนถนนราชพฤกษ์-แจ้งวัฒนะ ในจังหวัดนนทบุรี

ซึ่งผลการตรวจค้น เจ้าหน้าที่พบนายจิรัฏฐ์ อยู่ในบ้านพักกับภรรยา เจ้าหน้าที่แสดงหมายค้น และหมายจับกุม พร้อมกับนำตรวจค้นในบ้านพัก ทั้งนี้ ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ได้สั่งการให้ เจ้าหน้าที่ดำเนินการอายัดทรัพย์สินที่ตรวจยึดได้ อาทิ รถยนต์ 2 คัน เป็นรถเบนซ์ และรถฮอนด้าซีวิค ป้ายแดง เงินสด 2 ล้านบาท รวมทั้งทรัพย์สินอื่นๆ ไว้ตรวจสอบตาม พรบ.มาตรการ

 

พล.ต.ท.สมหมาย กล่าวภายหลังการเข้าตรวจค้น ว่า ในการเข้าจับกุมครั้งนี้ เจ้าหน้าทีมีพยานหลักฐานว่า นายเอกอ้วน จะเป็นผู้รวบรวมออเดอร์ติดต่อประสานงานในการสั่งยาเสพติด จากประเทศเพื่อนบ้าน มีพัฒนาการในการสั่งยาเสพติด โดยการให้บุคคลที่อยู่ในต่างประเทศ มาลงทะเบียนซิมโทรศัพท์มือถือ ก่อนที่จะโทรสั่งยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาจำหน่ายตามออเดอร์

และการ จับกุมยาเสพติดเครือข่ายของนายเอกอ้วน ในพื้นที่ จังหวัดนนทบุรี นับว่าเป็นการตัดตอนวงจรยาเสพติด ในส่วนของเครือข่ายนายเอกอ้วน ได้จำนวนมาก 


เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้แจ้งข้อกล่าวหาตามหมายจับ ให้กับนายจิรัฏฐ์ทราบ โดยนายจิรัฏฐ์ ให้การปฏิเสธ  เจ้าหน้าที่จึงทำบันทึกการจับกุมส่งพนักงานสอบสวน ตามขั้นตอน




 สำหรับการจับกุมในครั้งนี้ ตำรวจปราบปรามยาเสพติด ได้ร่วมกับตำรวจภูธรภาค 1 ใช้เวลาสืบสวนนานกว่า 10 เดือน หลังได้รับแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับเครือข่ายยาเสพติดพบความเคลื่อนไหวบัญชีทางการเงินกว่า 100 ล้านบาท เป็นเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญเชื่อมโยงหลายพื้นที่และมีผู้ร่วมขบวนการจำนวนมาก โดยมี เอกอ้วน ทำหน้าที่ประสานงาน เคยถูกจับกุมในคดียาเสพติด เมื่อปี 2555 แต่ศาลก็ยกฟ้องในที่สุด เพราะพยานหลักฐานอ่อน 

 

อย่างไรก็ตาม ปฎิบัติการนี้ตำรวจนำกำลังเข้าปิดล้อมตรวจค้นรวม 43 จุด แบ่งเป็นพื้นที่ กรุงเทพมหานคร 14 จุด  ภาค1 จำนวน20 จุด ,ภาค3 จำนวน 4 จุด ภาค4 จำนวน 5 จุด มีผู้ต้องหาตามหมายจับศาลรวม 11 คน