พระปิดตายันต์ยุ่ง

0...ชมสุดยอดพระปิดตายันต์ยุ่ง หนึ่งในเบญจภาคีพระปิดตาเนื้อโลหะทีเดียวครับ เบญจภาคีพระปิดตาเนื้อโลหะยอดนิยม คือพระปิดตา หลวงพ่อทับ วัดทอง กรุงเทพฯ

พระปิดตา หลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง กรุงเทพฯ ,พระปิดตาแร่บางไผ่หลวงปู่จัน วัดโมลี นนทบุรี,พระปิดตาหลวงปู่นาค วัดห้วยจระเข้  นครปฐม

พระปิดตากรุวัดท้ายย่าน ชัยนาท องค์ที่นำมาให้ศึกษาเป็นพระปิดตายันต์ยุ่ง เนื้อสำริดเงินสภาพสวยดูง่ายของ หลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง กรุงเทพฯ ราคาเช่าหาเป็นหลักล้านในปัจจุบัน

0...เล่ากันว่าหลวงปู่เอี่ยม ได้สร้างพระปิดตาเนื้อไม้ เนื้อสำริด และเนื้อโลหะ แบบหน้าเดียวและพระกริ่ง รวมทั้งเนื้อผงบางชนิดตั้งแต่ครองตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดโคนอนแล้ว

ส่วนพระปิดตายันต์ยุ่งและพิมพ์ประกบของหลวงปู่เอี่ยมนั้น เล่ากันว่าได้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2453 ที่วัดหนัง โดยหลวงปู่เอี่ยมท่านได้นำมาแก้ไขและสร้างใหม่อีกครั้ง โดยเพิ่มความประณีต แบบเดียวกับการสร้างพระปิดตาของหลวงพ่อทับ วัดทองโดยสร้างองค์ต่อองค์  ลักษณะดูคล้ายกัน แต่ขนาดจะไม่เท่ากัน มีสร้างไว้ทั้งชนิดเนื้อสำริดเงิน และเนื้อโลหะแก่ทอง

โดยองค์พระปิดตาของหลวงปู่เอี่ยมจะบางกว่าพระปิดตาของหลวงพ่อทับ วัดทอง สำหรับพุทธคุณของพระปิดตายันต์ยุ่งเด่นด้านแคล้วคลาด และมหาอุตม์เหมือนกัน


0...นอกจากนี้ท่านยังได้สร้างพระกริ่ง พระปิดทวารพิมพ์นะหัวเข่า พระปิดทวารหัวบานเย็น พระปิดตาหมากทุย พระปิดตาพิมพ์ข้าวตอกแตก พระตาพิมพ์สังฆาฏิ และพระปิดตาปิดทวารพิมพ์เล็กจิ๋วอีกหลายพิมพ์

รวมทั้งเป็นองค์พระ ด้วยเนื้อไม้ เนื้อสำริดแก่เงิน เนื้อสำริดแก่ทอง เนื้อชินเงิน เนื้อตะกั่วผสมชิน เนื้อเมฆพัด เนื้อผงสี เนื้อผงคลุกรัก และเนื้อผงใบลานเผาก็ได้สร้างไว้

0...หลวงปู่เอี่ยม หรือ เจ้าคุณเฒ่า หรือ พระภาวนาโกศล (เอี่ยม) ท่านเป็นชาวบางขุนเทียนมา เกิดเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2375 (สมัย ร.3) เป็นบุตรของนายทองและนางอู่ เมื่อถึง พ.ศ. 2387 โยมทั้งสองได้นำท่านไปฝากเรียนอยู่ที่สำนักวัดหนัง จนถึง พ.ศ. 2397ท่านจึงทำการอุปสมบท ณ ที่วัดราชโอรส ท่านเคร่งและศึกษาด้านปริยัติธรรมมาก

ท่านได้ศึกษาวิปัสสนาธุระกับพระภาวนาโกศลเถระ (รอด) เจ้าอาวาสวัดนางนอง ซึ่งเป็นพระกรรมวาจาจารย์ของท่านเอง

0...ท่านเจริญรอยตามหลวงปู่รอด พระอาจารย์ของท่าน ท่านได้สร้างพระปิดตาและพระปิดทวารขึ้น ก็ถอดลักษณะมาจากพระเครื่องทั้ง 2 ชนิดของหลวงปู่รอด และในสมัยที่หลวงปู่รอด พระอาจารย์ของท่าน ถูกถอดสมณศักดิ์ลง ในกรณีที่ไม่ยอมถวายอดิเรกแด่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.4)

คราวเสด็จพระราชทานพระกฐินที่วัดนางนองให้เป็นพระสงฆ์ธรรมดาๆ และหลวงปู่รอดได้ย้ายไปครองวัดโคนอน และฐานะที่หลวงปู่เอี่ยมเป็นศิษย์เอก ก็ได้ย้ายจากวัดนางนองติดตามไปปรนนิบัติ

อาจารย์ของท่านที่วัดโคนอนจนกระทั่ง หลวงปู่รอดมรณะภาพที่วัดโคนอนนั่นเอง  หลังจากนั้นหลวงปู่เอี่ยมก็ครองตำแหน่งเจ้าอาวาส วัดโคนอนสืบแทนต่อไป

0...ก่อนการเสด็จประพาสยุโรป ครั้งที่หนึ่ง เมื่อปี พ.ศ. 2440 นั้น  พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้รับคำแนะนำจากพระเจ้าน้องยาเธอกรมหลวงนเรศวรฤทธิ์ ให้เสด็จพระราชดำเนินเป็นการส่วนพระองค์ เข้านมัสการหลวงปู่เอี่ยม วัดโคนอน เพื่อขอรับคำพยากรณ์ก่อนที่จะเสด็จประพาสยุโรป
 

หลวงปู่เอี่ยม ได้ทำนายว่า การเสด็จพระราชดำเนินสู่ยุโรปครั้งนี้  จะต้องประสบภัยสองครั้ง ครั้งแรกในทะเลที่วังวน  หลวงปู่ได้ถวายผ้ายันต์พิเศษและคาถากำกับ เมื่อเข้าที่คับขันขอให้ทรงเสด็จไปยืนที่หัวเรือ แล้วภาวนาคาถากำกับผ้ายันต์แล้วโบกผ้านั้น จะเกิดลมพายุพัดให้เรือหลุดจากการเข้าสู่วังวนได้

0...และภัยครั้งที่สองเกิดจากสัตว์ สี่เท้าเป็นม้าพยศที่ดุร้าย ฝ่ายตรงข้ามจะทดลองพระองค์ อาตมาจะถวายคาถาพิเศษสำหรับภาวนาเวลาถอนหญ้าให้ม้าพยศนั้นกิน จะคลายพยศและสามารถประทับบังคับให้ทำตามพระราชหฤทัยได้เหมือนม้าเชื่อง

คาถาเสกหญ้าให้ม้ากินที่หลวงปู่เอี่ยมถวายนั้น คือ คาถาอิติปิโสเรือนเตี้ย หรือ มงกุฎพระพุทธเจ้าว่า อิติปิโส  วิเสเสอิ   อิเสเส พุทธะนาเมอิ    อิเมนา พุทธะตังโสอิ  อิโสตังพุทธะปิติอิ

0...เมื่อถึง พ.ศ. 2441 ประชาชนได้มานิมนต์หลวงปู่เอี่ยมไปเป็นเจ้าอาวาสวัดหนัง เนื่องจากไม่มีเจ้าอาวาสต่อมาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ก็ได้พระราชทานสมณะศักดิ์ให้แก่หลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง เป็นพระราชาคณะคือพระภาวนาโกศล  (เอี่ยม)

ซึ่งเป็นตำแหน่งเดียวกับหลวงปู่รอด พระอาจารย์ของท่านนั่นเอง ท่านได้ครองวัดหนังอยู่ถึง 27 ปีเศษ จึงถึงแก่มรณภาพ เมื่อวันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2469 รวมอายุได้ 94 ปี

จากกันด้วยธรรมะประจำใจ "หนทางสู่ความสงบ คือ การรู้เท่าทันตนเอง, เมื่อใดที่รู้เท่าทันตนเอง ก็จะปล่อยวางได้ เมื่อปล่อยวางได้ ย่อมพบกับความสงบ"

เขียน : นายกองตรีอ้วน 
[email protected]