โฆษกคสช.ยันจับ"ธัมมชโย" ไม่ได้ทำลายพระพุทธศาสนา

(27กพ.60) พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึง การใช้ ม.44 กับวัดพระธรรมกาย ว่า เป็นตามความจำเป็นของสถานการณ์ ใช้แบบสมดุลย์ ทั้งนิติศาสตร์ และสังคมศาสตร์ หลักๆ คือมาตรการเสริมให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่บรรลุวัตถุประสงค์ ซึ่ง หน้าที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)เป็นผู้รับผิดชอบหลักมาแต่เดิม   เมื่อปฏิบัติงานมาระยะหนึ่งพบข้อจำกัดหลายอย่าง โดยเฉพาะคดีนี้เป็นคดีที่ละเอียดอ่อน มีองค์ประกอบต่างๆ ไม่เหมือนคดีอื่นทั่วไป เช่น มีลักษณะของการปิดบัง  มีแนวโน้มจะปลุกคนมาขัดขวาง  มีการใช้โซเชี่ยนในลักษณะบิดเบือนหรือไม่เหมาะสม ฯลฯ   ซึ่งคำสั่งฯ ฉบับนี้ยังคงมีกรอบที่ชัดเจน   คือเพื่อเสริมให้กระบวนการยุติธรรมทางอาญามีประสิทธิภาพ  กำหนดผู้รับผิดชอบคืออธิบดีดีเอสไอ  มีเป้าหมายคือสนับสนุนการติดตามบุคคลตามหมายคดีอาญา ไม่ใช่ดำเนินการต่อองค์กรวัดหรือศาสนา อย่างที่บางคนพยายามบิดเบือน


" ข้อบังคับในคำสั่งเน้นคลี่คลายการกระทำใดๆ ที่ขัดขวางการทำงานเจ้าหน้าที่ตามความจำเป็นเฉพาะ ในส่วนที่เสริมให้บรรลุวัตถูประสงค์  เช่น การควบคุมระมัดระวังเรื่องการเข้าออก ,การเชิญบุคคลมาให้ข้อมูล ,ควบคุมระบบสาธารณูปโภค, เข้าสถานที่ใดเพื่อตรวจค้น หรือ ขอเคลื่อนย้ายสิ่งกีดขวาง ฯลฯ และด้วยการบริหารจัดการในลักษณะถ้อยที่ถ้อยอาศัย ยังไม่พบกระทบกิจกรรมใดๆ ของสงฆ์และศิษย์ หรือประชาชน หรือกระทบต่อการปฏิบัติศาสนกิจได้" พ.อ.วินธัย กล่าว




พ.อ.วินธัย กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีมีผู้ไม่หวังดีกล่าวหาว่า คำสั่ง คสช. ฉบับนี้เป็นเหมือนเครื่องมือในการทำลายพระพุทธศาสนานั้น ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง  เชื่อว่าเป็นความพยายามบิดเบือนตามรูปแบบแนวทางการต่อสู้เชิงข่าวสารเพื่อจะทำลายความน่าเชื่อถือภาครัฐ  และเบี่ยงเบนความสนใจสังคมจากเรื่องของบุคคล   ให้ไปเป็นเรื่องขององค์กรวัด หรือเรื่องศาสนา เพราะคนจะรู้สึกอ่อนไหวกับเรื่องเหล่านี้ได้ง่ายกว่า   และในช่วงหลังจะเห็นได้ว่ามีการหยิบยกประเด็น ม.44 มาใช้ เพราะอาจเป็นคำคุ้นเคยทางการเมือง  สามารถนำมาเสริมปั้นแต่งให้เป็นประเด็นในมุมต่างๆ ได้ง่าย ทั้งนี้ ขอให้มั่นใจแนวทางของผู้บังคับบัญชาต่อการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ภายใต้ คำสั่งฯ ม.44 คงเน้นปฏิบัติภายใต้กรอบ ด้วยความระมัดระวัง  โดยเฉพาะหลีกเลี่ยงความรุนแรงที่อาจเกิดให้ได้มากที่สุด และกระทำทุกอย่าด้วยสุจริตเหมาะสม  ป้องกันไม่ให้ถูกผู้ไม่หวังดีหยิบไปขยายผลในทางลบ