5 สถานที่สุดโรแมนติกในนิวซีแลนด์

ในเดือนเห่งความรักอย่างเดือนกุมภาพันธ์ ความรักผลิบานหวานชื่น โลกทั้งใบของหลายๆ คนกลายเป็นสีชมพู ความรักของบางคู่อาจจะสุกงอมเต็มที่พร้อมแต่งงานในวันวาเลนไทน์ สำหรับคนที่กำลังวางแผนเตรียมเซอร์ไพร์ส แต่ยังนึกไม่ออกว่าจะเลือกสถานที่ไหนสำหรับโมเม้นท์คุกเข่าขอแต่งงาน ประเทศนิวซีแลนด์ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยธรรมชาติอันสวยงาม อาจจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสุดพิเศษที่จะสร้างความประทับใจไม่รู้ลืมให้กับทั้งว่าที่เจ้าบ่าวและเจ้าสาว เรามาเริ่มการเดินทางแห่งแหวน(แต่งงาน) ไปยัง 5 สถานที่สุดโรแมนติกในการขอแต่งงานในนิวซีแลนด์ พร้อม ๆ กัน

1. ชมวิวทิวทัศน์มุมสูงกับเครื่องบินอ็อคแลนด์ ซีเพลน (Auckland Seaplanes)

ชื่นชมทิวทัศน์ความงามของอ่าวไวเตมาตา (Waitemata Harbour) จากมุมสูงผ่านเครื่องบินแบบสะเทินน้ำสะเทินบก เคลื่อนตัวออกจากท่าเรือวินยาร์ดควอเตอร์ (Wynyard Quarter) โดยมีทะเลเป็นรันเวย์ ก่อนทะยานบินขึ้นเหนือหมู่เกาะในอ่าวฮารุอากิ (Hauraki Gulf) ที่มองลงมาจากบนเครื่องบินแล้วเหมือนเครื่องประดับแห่งท้องทะเล

คริส แซทเลอร์ ซีอีโอ อ๊อคแลนด์ ซีเพลน กล่าวถึงแพคเกจขอแต่งงานยอดนิยมของบริษัทว่า “การบินพาผู้มาเยือนไปชมความงามของเกาะโมทุยเฮ (Motuihe Island) และให้พวกเขาดื่มด่ำกับความงามของชายหาดพร้อมชิลไปกับไวน์ดีๆ สักขวด  หลังจากนั้นเครื่องบินจะกลับมารับ และนำคู่รักไปรับประทานอาหารมื้อกลางวันที่เกาะไวฮิกิ (Waiheke Island) และพักผ่อนที่เกาะแห่งนี้จนถึงช่วงเย็น หรือจะเลือกพักค้างคืนที่เกาะไวฮิกิก็ได้ ซึ่งทริปนี้ยังไม่เคยเจอเจ้าสาวรายไหนที่ปฏิเสธการขอแต่งงานสักรายครับ"

เคล็ดลับการเดินทาง

หากคุณไม่ได้พักค้างคืนที่ไวฮิกิ เมื่อกลับมาสู่ท่าเรือวินยาร์ด (Wynyard Wharf) บริเวณอ่าวเวียดัก (Viaduct Harbour) ซึ่งเป็นจุดที่เครื่องบินของอ็อคแลนด์ ซีเพลน เริ่มออกเดินทาง คุณจะได้พบกับบาร์และร้านอาหารมากมายรอคุณอยู่ อย่าลืมเตรียมตัวให้พร้อมกับอากาศแบบสี่ฤดูกาล สิ่งที่ขาดไม่ได้เลย คือ ครีมกันแดด เสื้อกันลมหรือฝน และรองเท้าคู่เก่งที่พร้อมที่ใส่ขึ้นเครื่อง หรือเดินลงชายหาดได้สบายๆ และที่สำคัญที่สุดคือการจองล่วงหน้า

2. จุดประกายไฟแห่งรัก

ถ้าคนรักของคุณเป็นสาวที่มีพลังงานล้นเหลือ คุณอาจจะพาเขาไปเที่ยวที่ Cape Brett Walkway บริเวณตอนเหนือสุดก่อนที่จะขอแฟนของคุณแต่งงาน จะโรแมนติกแค่ไหนกับการค่อยๆ เดินขึ้นเขาไปด้วยกันกับระยะทาง 16 กิโลเมตรหรือราวๆ 8 ชั่วโมงจนถึงประภาคาร แต่ถ้าหากต้องการไปทางลัด คุณสามารถเช่าเรือสำหรับการเดินทางบางช่วง ซึ่งจะช่วยลดเวลาไปได้สองชั่วโมง (5 กิโลเมตร) ด้วยวิวสุดแสนประทับใจระหว่างการเดินทาง คุณสามารถประกาศความรักของคุณให้กึกก้อง ไปพร้อมๆ กับเสียงนกร้อง เสียงคลื่น และเสียงลมที่พัดโบกกิ่งก้านของต้นมานูก้า

เคล็ดลับการเดินทาง

รัสเซล (Russell) เป็นเมืองเล็กๆ ที่มีเรื่องเล่าทางประวัติศาสตร์ที่ใกล้ Cape Brett Walkway ที่สุด โดยขับรถสี่ชั่วโมงจากเมืองอ็อคแลนด์ บริษัทดัสตี้ (Dusty) ผู้ให้บริการเรือยนต์ขนาดเล็กรับส่งจากบริเวณเบย์ ออฟ ไอส์แลนด์ (Bay of Islands) ไปยังจุดเดินเขาที่เดินได้สบายๆ หรือที่ประภาคาร ถ้าคุณพักที่บ้านพักของกรมอนุรักษ์ธรรมชาติและมรดกทางประวัติศาสตร์ (Department of Conservation) เรือของดัสตี้ยังสามารถรับคุณกลับสู่ความศิวิไลซ์ในเมืองได้เมื่อคุณต้องการ

3. แสงดาวน้อย กระพริบระยิบระยับ  

ยามจ้องมองขึ้นไปบนท้องฟ้า คู่รักมักอยากจะอิงแอบแนบชิด ยิ่งถ้าคุณและแฟนสาวชอบที่จะสัมผัสความโรแมนติกไปพร้อมๆ กับการดูดวงดาวกระจ่างเต็มฟ้าแล้ว ต้องไม่พลาดเดินทางไปยัง Aoraki Mackenzie Dark Sky Reserve ซึ่งเป็นจุดชมท้องฟ้าและดวงดาวยามค่ำคืนที่งดงามทางเกาะใต้ของนิวซีแลนด์ ด้วยพื้นที่ที่กว้างกว่า 4,300 ตารางกิโลเมตร ที่ไม่มีมลภาวะมาทำให้แสงดาวหม่นลง จะมีเพียงสิ่งเดียวที่จะสะท้อนออกมาทางดวงตาของคุณ นั่นคือแสงระยิบระยับของกลุ่มดวงดาวที่อยู่เหนือท้องฟ้า

เคล็ดลับการเดินทาง

เพียงขับรถมายังทะเลสาบเทคาโป (Lake Tekapo) ซึ่งห่างจากเมืองไคร์สต์เชิร์ช หรือควีนส์ทาวน์ ราว 3 ชั่วโมง คุณจะพบกับกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นทัวร์ดูท้องฟ้ายามค่ำคืนที่จุดชมวิวเม้าท์ จอห์น (Mount John Observatory) การขี่ม้า เล่นสกี สเก็ตน้ำแข็ง การนั่งห่วงยางสไลด์ลงเนินหิมะ หรือเล่นน้ำในบ่อน้ำร้อนกลางแจ้งที่มีชื่อเสียงระดับโลก

4. ค้นหาทองในเมืองแสนโรแมนติก

ครั้งหนึ่งตอนกลางของเมืองโอทาโกเคยเป็นศูนย์กลางเหมืองแร่ทองคำที่คึกคัก โดยมีเมืองไคลด์ (Clyde) ตั้งอยู่บริเวณริมแม่น้ำคลูธา (Clutha River) แม่น้ำที่ยาวที่สุดของเกาะใต้ และเป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ นักปั่นจักรยาน และผู้ที่ชอบเดินท่องเที่ยว แต่ไฮไลท์ของเมือง คือ Olivers Lodge and Stables ซึ่งเป็นที่พักน่ารักที่ปรับปรุงใหม่ สวยงามหรูหราและมีประวัติยาวนานสมกับระดับ 5 ดาว

ที่พักแห่งนี้ตกแต่งสวนได้อย่างสวยงามราวเทพนิยาย จึงไม่น่าแปลกใจว่าที่นี่ถูกเลือกเป็นสถานที่จัดงานแต่งงานหลายต่อหลายครั้ง นอกจากนี้ยังมีบริการห้องพัก พร้อมอาหารและไวน์ชั้นเลิศ รวมทั้งเบเกอรี่ ขนมปัง และเบียร์สุดแสนอร่อย เรียกว่าอยากจะอยู่ยาวๆ ไม่อยากจะเช็คเอ้าท์ออกจาก Olivers เลย

เคล็ดลับการเดินทาง

คุณสามารถมาเยี่ยมชมเมืองไคลด์ (Clyde) เมืองริมแม่น้ำที่มีความสวยงามตลอดทั้งปี เพียงแค่ขับรถออกจากเมืองควีนสทาวน์มาเพียงหนึ่งชั่วโมงเท่านั้น และที่นี่ยังมีหลากหลายสิ่งที่รอให้คู่รักได้ทำร่วมกันหลังจากตอบรับคำขอแต่งงาน ไม่ว่าจะเป็นการขี่จักรยานรอบเส้นทางคลูธา โกลด์ (Clutha Gold Trail) หรือเส้นทางโอทาโกเรล (Otago Rail Trail) จะนั่งเรือเร็ว ตกปลา พายเรือคายัค หรือแม้แต่ร่อนทองร่วมกัน

5. ก้าวไปข้างหน้าร่วมกัน 

การร่วมเดินทางในเส้นทางอันยาวไกลไปพร้อมกับคนที่คุณรักนั้นเป็นอีกวิธีที่จะรักษาความสัมพันธ์ให้ยั่งยืน  เส้นทางอย่างเต อารารัว (Te Araroa Trail) ที่เชื่อมต่อระหว่างจุดเหนือสุดของเกาะเหนือไปสิ้นสุดที่เมืองบลัฟฟ์ของเกาะใต้ เป็นสถานที่ที่โดดเด่นควรค่าแก่การขอแต่งงานอย่างยิ่ง เพราะการเดินบนเส้นทางนี้ต้องใช้เวลานานราว 50-80 วันต่อหนึ่งเกาะ ถ้าความสัมพันธ์ของคุณทั้งสองสามารถอดทนกับการเดินทางอันยาวไกลครั้งนี้ได้ พวกคุณก็พร้อมแล้วที่ใช้ชีวิตร่วมกัน

เส้นทางนี้มีทิวทัศน์สวยงามมากมายตลอดเส้นทาง ยากที่จะเลือกว่าจะหยุดตรงไหนเพื่อขอแต่งงาน แต่จุดที่อยากแนะนำ คือ กึ่งกลางของเส้นทางเพคาคาริคิ (Paekakariki Trail) แถวนอกเมืองเวลลิงตัน ที่คุณสามารถเลือกระหว่างจุดสูงสุดของ Devil’s Staircase เพื่อชมวิวชายฝั่งคาพิติ (Kapiti Coast) หรือบริเวณสะพานแขวนสวยๆ สักแห่งตามเส้นทางที่ผ่านมา 

เคล็ดลับการเดินทาง

ถ้าไม่อยากจะเดินทางบนเส้นทางยาวๆ คุณสามารถไปทริปแบบหนึ่งวัน ระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตรโดยเดินจากสถานีรถไฟเพคาคาริคิ (Paekakariki Train Station) ถึงชายหาดพูเครัว (Pukerua Bay) (หรือที่อื่น) ซึ่งห่างจากเวลลิงตันเพียง 40 กิโลเมตร นักเดินทางควรเตรียมพร้อมรับกับสภาพอากาศทุกรูปแบบ แม้ว่าจะใช้เวลาเพียงแค่วันเดียวก็ตาม