#ฉันเกิดในรัชกาลที่ 9

เป็นหนึ่งในแฮชแท็ก ที่หลาย ๆ คนในสังคมออนไลน์ นำมาใช้เป็นสัญลักษณ์ แสดงถึงความอาลัย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

 

หลังทราบข่าวชัดเจน การเสด็จสวรรคต เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม ปี 2559 เวลา 15.52 นาฬิกา แต่แฮชแท็ก..ที่ว่านี้ ไม่ได้จะบ่งบอกเพียงแค่การเกิดในยุคสมัยนี้เท่านั้น

 

หากแต่กำลังบอกว่า..คนไทยจะสืบสานพระราชปณิธานของพระองค์ไปอีกนานเท่านาน..ชั่วลูกชั่วหลาน

 

ปรากฎการณ์แห่งความเศร้าโศก ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงแค่ประชาชน..ในวัยกลางคน ราว 40 – 60 ปี ถึงผู้สูงอายุ ช่วงวัยชรา  หรือราว 60 ถึง 65 ปีขึ้นไปเท่านั้น

 

แต่ภาพที่เห็นยังสืบเนื่องถึงวัยรุ่น คือ 11- 21 ปี ไม่เว้นแม้แต่วัยเรียน คือช่วงอายุ 6 ปีขึ้นไปด้วย ถ้ามองและทบทวนในรายละเอียด นี่..อาจเป็นพูดได้ว่า เป็นภาพสะท้อนที่ลึกซึ้งเกินกว่าจะยั้งคิดได้ ว่าเด็กรุ่นลูกรุ่นหลาน จะสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ และเด็กในช่วงวัยนี้ คือผู้ที่จะทำหน้าที่สืบสานพระราชปณิธาน ไปอีกนานแสนนานได้
 

ถ้าได้ไปร่วมสักการะ..แสดงความอาลัยมาแล้ว จะเห็นว่าบริเวณพื้นที่โดยรอบสนามหลวง ไม่ได้มีเพียงแค่ผู้เฒ่าผู้แก่..แต่ยังเห็นเด็กวัยรุ่นมากมายหลายคน ทั้งที่ไปสักการะ และร่วมกิจกรรมจิตอาสา หรือเด็กและเยาวชนอีกหลาย ๆ คน ที่ไปกับพ่อ-แม่ หรือแม้จะร่วมกิจกรรมแจกสิ่งของ ยาดม ยาหม่อง น้ำ หรืออาหาร ให้ผู้ที่เดินทางไปร่วมสักการะ

 

นั่นเพราะต่างก็สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และรับรู้ได้ถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะความโศกเศร้าจากการสูญเสีย และความรักที่ประชาชนคนไทยในทุกวัย..ทุกรุ่นของช่วงอายุมีต่อพระองค์
 

แม้สังคมไทยจะสูญเสียพระวรกายของพระองค์ไป แต่เชื่อได้ว่า พระราชปณิธานของพระองค์จะอยู่คู่คนไทยตลอดกาล ผ่านคน..ชนรุ่นหลัง..รุ่นลูกรุ่นหลานเป็นสำคัญ ซึ่งนอกจากคำสอนผ่านพ่อแม่ผู้ปกครองแล้ว

 

โรงเรียนก็เป็นสถาบันหลักที่ต้องสืบสานพระราชปณิธานผ่านชั้นเรียน หรือผ่านการเรียนรู้ในทุกกิจกรรมที่จะกำหนดไว้ ให้ได้ศึกษาเรียนรู้ในพระปรีชาสามารถ พระอัจริยภาพ และพระราชกรณียกิจ ของพระราชา..พระองค์นี้

 

เราคงต้องฝากความหวังไว้กับคนรุ่นนี้ รุ่นที่เกิดในรัชกาลที่ 9

 

เขียน : ต้นไม้ politics