ปราจีนบุรีปักธงสร้างเมืองสมุนไพร ดันเวชสำอางส่งออกอาเซียน
ตามที่นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุกต์ จันทร์โอชา ได้มีนโยบายส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมสมุนไพร โดยให้สิทธิพิเศษด้านการลงทุนแแก่บริษัทหรือวิสากิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) หวังให้เกิดการต่อยอดผลิตภัณฑ์จากภูมิปัญญาไทย จังหวัดปราจีนบุรี ถือเป็นจังหวัดนำร่องสำคัญที่เป็นต้นแบบในการพัฒนาสมุนไพรไทย ผ่านทางโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง
นายอุกริช พึ่งโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี กล่าวว่า จังหวัดปราจีนบุรีกำลังพัฒนาเมืองสมุนไพร (Herbal city) ซึ่งเป็นกลไกระดับพื้นที่ในการทำงานร่วมกันของหน่วยงานภาครัฐต่างๆ ผู้ประกอบการ นักวิจัย องค์กรสาธารณประโยชน์ และประชาชนจังหวัดปราจีนบุรี ในรูปแบบประชารัฐ เพื่อขับเคลื่อนให้เกิดการค้นหาภูมิปัญญาสมุนไพรท้องถิ่น มาใช้ให้เกิดประโยชน์สุขภาพ เศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน เมืองสมุนไพร มีแนวคิดเช่นเดียวกับ ฟู๊ด วัลเลย์ และ ซิลิคอน วัลเลย์ ในต่างประเทศ ที่มีการบริหารจัดการทรัพยากรแบบรวมศูนย์ ลดความซ้ำซ้อนในการลงทุน มีขอบเขตการทำงานเชิงพื้นที่ที่ชัดเจน รู้ว่าในพื้นที่มีความรู้อะไร มีเครื่องมืออะไร ทำให้เกิดการพัฒนาต่อเนื่องทั้ง ห่วงโซ่คุณค่า เพราะที่ผ่านมาประเทศไทยเรามีการลงทุนซ้ำซ้อน อย่างงบวิจัยที่ถูกนำมาใช้ในการพัฒนาสมุนไพร ปีละไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาท ทั้งนี้ยังไม่นับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ ที่กระจัดกระจาย เครื่องมือที่มียังไม่สัมพันธ์กับคน
“สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่สะท้อนให้เห็นความล้มเหลวในการบริหารจัดการ ทางจังหวัดจึงได้ร่วมกับกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข ผลักดันเรื่องนี้ เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าในการลงทุน ซึ่งปราจีนบุรีเป็นจังหวัดหนึ่งในสี่ของเมืองสมุนไพร อีกสามแห่งกระจายกันอยู่ในภูมิภาคค่างๆกัน ได้แก่ เชียงราย สกลนครและสุราษฎร์ธานี” นายอุกริช กล่าว
ด้านนพ.จรัญ บุญฤทธิกาล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวว่า โรงพยาบาลฯ ในฐานะเป็นหัวเรือใหญ่ของการพัฒนาเมืองสมุนไพรปราจีนบุรี ได้มีการประชุมร่วมกันของทุกภาคส่วนในปราจีนบุรีไปแล้ว 4 ครั้ง มีการพัฒนาแผนร่วมกัน และเริ่มดำเนินการไปแล้วบางส่วน คือ การพัฒนาเวชสำอางจากสมุนไพรเพื่อส่งออก เพราะจากการทบทวนข้อมูลพบว่า ตลาดเครื่องสำอางสมุนไพรมีศักยภาพมาก มีดุลการค้าบวกต่อเนื่องมาหลายปี เพราะเรามีสมุนไพรหลากหลาย มีนักวิจัยที่เข้มแข็งที่เชื่อมโยงความรู้ภูมิปัญญาเข้ากับวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ มีการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่ทันสมัย ทำให้มีการส่งออกสมุนไพรไปขายต่างประเทศมากมาย
ผอ.รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวด้วยว่า เวลานี้เมืองสมุนไพรปราจีนบุรี ก้าวสูงขึ้นจากเครื่องสำอางสมุนไพร เป็นเวชสำอาง ที่มีประสิทธิภาพในการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของผิวหนัง เช่น ลดริ้วรอย ลดฝ้า ซึ่งนับเป็นตลาดที่ใหญ่ และต้องการการวิจัยขั้นสูง ที่ผ่านมาทางอภัยภูเบศรได้วิจัยพัฒนาเซรั่มลดฝ้า หรือ แอนตี้ดาร์คสปอร์ต ซึ่งพัฒนาจากสมุนไพร "ดู่ท่ง" ที่พบแต่เฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น ที่ผ่านการวิจัยประสิทธิภาพแล้วว่า การใช้ต่อเนื่องกัน 4 สัปดาห์จะทำให้จุดด่างดำลดเลือนไป พร้อมกับบำรุงผิวไปในตัวด้วย หรือ ผลิตภัณฑ์ชุด "บัวไผ่ข้าว" ที่ผสานคุณค่าของสมุนไพรสามชนิดคือ สารสกัดบัว สารสกัดไผ่ และน้ำมันรำข้าว ที่ผ่านการวิจัยแล้วเช่นกัน
โดยผลิตภัณฑ์เหล่านี้ได้รับการออกแบบให้มีความทันสมัย และอยู่ในระหว่างพูดคุยกับตัวแทนจำหน่ายในประเทศเพื่อนบ้านเพื่อส่งออก ซึ่งอาเซียนถือเป็นโจทย์แรกในการทำงานของเรา ทำอย่างไรให้คน 600 ล้านคนเป็นลูกค้าของสมุนไพรไทย และจะทำอย่างไรให้สมุนไพรไทยเข้าไปเป็นเจ้าแรก เพื่อให้สร้างความเป็นต้นตำรับของสมุนไพรไทย และสิ่งนี้สิ่งที่อยากให้ภาครัฐ โดยเฉพาะกระทรวงพานิชย์ให้การสนับสนุน