ปัญญารู้ตัวแก๊งยุโรปตอ.5คนแฮกATMออมสินเผ่นนอกแล้ว

(24สค.59) พลตำรวจเอกปัญญา มาเม่น ที่ปรึกษา สบ.10 ระบุว่า คนร้ายชาวยุโรปตะวันออก เป็นผู้ก่อเหตุ โจรกรรมเงินกว่า  12ล้าน  บาทจากตู้ เอทีเอ็ม ธนาคารออมสิน ในพื้นที่ 6จังหวัด  ประกอบด้วย จีงหวัดภูเก็ต สุราษฎร์ธานี ชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี และกรุงเทพมหานคร ซึ่งขณะนี้ ได้สั่งการให้ กองบัญชาการสอบสวนกลาง สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง กองพิสูจน์หลักฐาน ลงพื้นที่ตรวจสอบในที่เกิดเหตุทั้ง ตำรวจภูธรภาค7 ภาค8 และ กองบัญชาการตำรวจนครบาลแล้ว เพื่อเร่งติดตามตัวคนร้าย

ซึ่งตำรวจมีพยาน และวัตถุพยาน โดยเฉพาะภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณหน้าตู้เอทีเอ็ม ที่แสดงพฤติกรรมคนร้าย ขณะใช้บัตรปลอมที่ผลิตในประเทศยูเครนเสียบเข้าไปในตู้ก่อนจะถูกควบคุมด้วย ไวรัส มัลแวร์ ที่ถูกปล่อยมาก่อนหน้านี้ จนทำให้เงินที่มีอยู่ในตู้ไหลออกมาและจากการตรวจสอบพบว่า ไวรัส มัลแวร์ถูกส่งไปยังตู้เอทีเอ็มที่ใช้เป็นตู้ควบคุมจำนวน3 ตู้ในจังหวัดภูเก็ต ก่อนกระจายไปอีก21 ตู้ใน6จังหวัด 

นอกจากนี้ การสอบสวนพบว่า กลุ่มคนร้ายมีการแบ่งหน้าที่กันอย่างชัดเจนและพบว่า บางคนได้หลบหนีออกนอกประเทศแล้ว ตำรวจจึงได้มีการประสานข้อมูลกับตำรวจสากลในการติดตามตัวผู้ต้องสงสัย ส่วนจะมีคนไทยเกี่ยวข้องหรือไม่นั้น อยู่ระหว่างการสืบสวน

ขณะเดียวกัน ตำรวจยังตรวจสอบพบอีกว่า พฤติกรรมของคนร้ายมีความเชื่อมโยงกับการก่อเหตุ ในประเทศไต้หวัน เมื่อเดือน กรกฎาคม ที่ผ่านมา และยังพบว่า กลุ่มคนร้าย 5คน ที่ก่อเหตุในประเทศไต้หวัน เดินทางเข้าออกประเทศไทยหลายครั้ง  และจากการสอบสวน ยังพบว่าลักษณะการก่อเหตุมีความเชื่อมโยงกับการก่อเหตุในประเทศเพื่อนบ้านเมื่อปี 57 ด้วย

ส่วนเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นในจังหวัดพังงา เมื่อเดือนเมษายน ที่คนร้ายใช้บัตรกดเงินจากตู้เอทีเอ็มไปกว่า4 ล้านบาทนั้น ยังไม่สามารถระบุได้ว่า คนร้ายใช้จุดดังกล่าวเป็นจึงปล่อยไวรัสมัลแวร์หรือแฮคข้อมูลจากบัตรเอทีเอ็ม แต่คาดว่าน่าจะมีความเชื่อมโยง เนื่องจากพบว่า เป็นการใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ชุดเดียวกัน


อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมทั้งผู้ประกอบการ ทั้งหมด เพื่อหารือในวันที่ 26 สิงหาคมนี้ เวลา 14.00น. พร้อมยืนยันว่า ที่ผ่านมาทางธนาคารไม่ได้ปกปิดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากห้วงเวลาที่เกิดเหตุ เกิดตั้งแต่วันที่ 7-30กรกฎาคม และทางธนาคารมาตรวจสอบทราบเหตุ ในระหว่างวันที่1-10สิงหาคม จึงเข้าแจ้งความดำเนินคดี โดยตำรวจมั่นใจสามารถออกหมายจับและนำตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฏหมายได้

ด้าน พลตำรวจตรี ปิยะพันธ์ ปิงเมือง รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงกรณีเหตุระเบิด 2 จุด ในจังหวัดปัตตานี เมื่อคืนที่ผ่านมา จุดแรก คือเหตุคาร์บอมบ์ย่านสถานบันเทิงหน้าโรงแรมเซาท์เทิร์น วิว  และจุดที่ 2 ตลาดสดจังหวัดปัตตานี ว่า พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุทั้ง 2 จุด เบื้องต้นยังไม่พบว่าเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดและวางเพลิงใน 7 จังหวัดภาคใต้ พร้อมมั่นใจว่า เหตุที่เกิดขึ้นจะไม่กระทบต่อการเจรจาพูดคุยสันติสุขกับกลุ่มมาราปาตานี ในวันที่ 2 กันยายน นี้  เนื่องจากที่ผ่านมาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้เกิดเหตุความไม่สงบอยู่บ่อยครั้ง เพราะ กลุ่มผู้ก่อเหตุได้มีการสืบทอดให้กลุ่มคนรุ่นใหม่เข้ามาดำเนินการต่อ

ส่วนความคืบหน้าคดีระเบิด 7 จังหวัดภาคใต้ ชุดสืบสวนได้มีการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยในหาดใหญ่มาสอบปากคำแล้ว 2 คน โดยหากพบมีหลักฐานชัดเจนคาดว่าจะมีการออกหมายจับในเร็ววันนี้ ส่วนกรณีที่ในโลกโซเชียล มีการส่งภาพสเก็ต ของคนร้าย 4 คน ประกอบกับภาพวงจรปิดในคดีระเบิด 7 จังหวัดในภาคใต้ ปริอยู่ระหว่างการตรวจสอบ ว่าภาพดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องกับคดีมากน้อยแค่ไหนส่วนกระแสข่าวที่ออกมาว่า ทางตำรวจที่สเก็ตภาพ ใช้ข้อมูลจากปากคำของพยาน แปลไปสอดคล้องกับภาพวงจรปิดที่ตำรวจมี เรื่องดังกล่าว อยู่ในสำนวนการสอบสวนของทางเจ้าหน้าที่ซึ่งพลตำรวจเอกศรีวราห์รังสิพราหมณกุลเป็นผู้ดูแล ส่วนการจะใช้ภาพดังกล่าวออกหมายจับหรือไม่ ต้องรอความเห็น จากรองผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติก่อน