โฆษกคสช.จวกยิ่งลักษณ์FBวิจารณ์2ปีคสช.

(24พค.59) พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ในโอกาสครบรอบ 2 ปีรัฐประหาร โดยระบุ ถึงสาเหตุการยึดอำนาจ เนื่องจากรัฐบาลของตนทำงานไม่ได้  ว่า การเข้ามายึดอำนาจเมื่อวันที่ 22 พ.ค. ปี2557 ยังมีเหตุผลอย่างอื่นประกอบ ไม่ใช่เหตุผลรัฐบาลในขณะนั้นทำงานไม่ได้อย่างเดียว แต่ยังมีเรื่องของความขัดแย้งที่นำไปสู่ความรุนแรง จนกระทั่งมีคนเสียชีวิตจากการแสดงออกตามวิถีทางประชาธิปไตย สิ่งนี้เป็นการละเมิดอย่างรุนแรงของคนในสังคม โดยเฉพาะการใช้อาวุธสงครามกันมากในชุมชนเมือง การบังคับใช้กฎหมายในขณะนั้นไม่มีประสิทธิภาพ และคนไม่เคารพกฎหมาย นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการละเมิดสถาบันที่มีมากจนกระทั่งเป็นการทำลายวิถีทางวัฒนธรรมของประเทศ และยังมีการใช้สื่อปลุกระดม ปลุกปั่นจนเกิดความแตกแยก

 

พ.อ.วินธัย  กล่าวว่า ส่วนที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ระบุว่าประชาชนเผชิญกับปัญหาความยากจนรวมถึงปัญหา สังคมและยาาเสพติดที่กำลังเพิ่มมากขึ้นทุกวันนั้นขอเรียนว่า เรื่องของปัญหาปากท้อง ความยากจน ปัญหาสังคม โดยเฉพาะปัญหายาเสพติด เป็นปัญหาที่สังคมโดยทั่วไปเห็นอยู่แล้ว ว่า คสช.จริงจังและดำเนินการมาโดยตลอด ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามา ปัญหาปากท้องเป็นเรื่องของเศรษฐกิจจะเห็นว่า มีการแก้ปัญหาดำเนินการอย่างเป็นระบบ ทั้งระยะสั้นและระยะยาว และมีการดำเนินการทุก ๆ มาตรการที่จะเป็นประโยชน์ต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างเต็มที่ และสิ่งที่ทำสามารถตรวจสอบได้ว่าสิ่งที่ทำไปมีอะไรบ้าง ทุก ๆ มาตรการที่จะเป็นประโยชน์ต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจทำอย่างเต็มที่ ทุก ๆ ด้านที่เป็นองค์ประกอบที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ รัฐบาล คสช.พยายามดำเนินการอย่างเต็มที่ เราเชื่อว่าบางส่วนอาจจะเป็นการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองเพื่อมาทำลายความน่าเชื่อถือทางด้านเศรษฐกิจ เพราะรัฐบาล คสช.ได้ดำเนินการไปหมดแล้ว

 

พ.อ.วินธัย กล่าวว่า ปัจจุบันทุกคนมีสิทธิ เสรีภาพ และการดำเนินการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งได้ดำเนินการมาโดยตลอด จะเห็นว่าความขัดแย้งเงื่อนไขเดิม ๆ ที่มีการแบ่งแยกสี ปัจจุบันลดระดับลงไปมาก อย่างน้อยไม่เห็นในเชิงประจักษ์ แต่ถ้าบางคนมองอาจจะเป็นความคิดเห็นที่ไม่ตรงกัน แต่เป้าหมายอาจจะเปลี่ยนเป็นเรื่องของความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันกับคสช.และรัฐบาลมากกว่า ถ้าตรงนี้ ต้องมองว่ารัฐบาลและคสช.ไม่ใช่คู่ขัดแย้งกับใคร แต่สิ่งที่ทำเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติอย่างแท้จริง เราไม่ได้กดประชาชน เพราะในเวลานี้ประชาชนสามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างมีสิทธิ เสรีภาพ แต่ความคิดเห็นจะต้องไม่ไปพาดพิงบุคคลหรือองค์กรใดที่ทำให้เกิดความเกลียดยังหรือนำไปสู่การแตกความสามัคคี เพราะฉะนั้นแสดงความคิดเห็นได้หมด แต่ต้องไม่ไปยั่วยุ ทั้งนี้การแสดงความคิดเห็นได้ แต่ต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย ในสภาพที่เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันอย่างมีเหตุมีผล ปัจจุบันรัฐบาลได้เปิดช่องทางการรับฟังความคิดเห็นการรับฟังความเดือดร้อนผ่านศูนย์ดำรงธรรมทั่วประเทศ ซึ่งได้รับผลการตอบรับที่นำไปสู่การแก้ปัญหาที่รัฐบาลและคสช.ดำเนินการให้ 

 

"ดังนั้น 2 ปีที่ผ่านมา เป็นที่ประจักษ์ชัดว่า คสช.และรัฐบาลได้ดำเนินการในสิ่งที่ควรจะทำ มาอย่างเต็มที่ ทั้งการปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่น การแก้ไขปัญหาสังคม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ แก้ไขปัญหาแรงงานเถื่อนให้เข้าสู่ระบบไม่ให้ใครไปแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ การจัดระเบียบขนส่งสาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นรถตู้ รถแท๊กซี่ รถจักรยานยนต์ การปราบปรามผู้มีอิทธิพล ส่วนการสร้างความชอบธรรมทุกฝ่ายให้ถูกต้องนั้น จะต้องสร้างความชอบธรรมให้อยู่ภายใต้กลไก กระบวนการยุติธรรมเป็นไปตามหลักสากล ไม่ได้ตัดสินกันเอง” พ.อ.วินธัย กล่าว

 

พ.อ.วินธัย ยังกล่าวต่อว่า ส่วนการแสดงความเห็นของ นายวรชัย เหมะ กล่าวหา คสช.ไล่บี้บางพรรคการเมือง หรือ เสื้อสีใดสีหนึ่งนั้น มีเนื้อหาคลาดเคลื่อนไปจากข้อเท็จจริง ในเชิงไม่สร้างสรรค์ ด้วยมุมมองส่วนบุคคล เชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่พอจับทางเจตนาได้. การดำเนินการในทางกฎหมายย่อมขึ้นอยู่กับพฤติกรรมบุคคลนั้นๆเป็นหลัก. ไม่ใช่เพราะเป็นพรรคนั้นพรรคนี้ หรือกลุ่มนั้นกลุ่มนี้ การแสดงความเห็นควรหลีกเลี่ยงการใช้จินตนาการในทำนองที่แสดงถึงการแบ่งแยก เพื่อพาประเทศกลับไปสู่ความขัดแย้งอีก  ทั้งๆที่คสช. และรัฐบาลพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้สังคมเกิดความสงบปรองดอง  ขณะนี้สังคมเริ่มมองว่าสิ่งที่เป็นอุปสรรคต่อการปรองดองคงไม่ใช่ คสช. แต่อาจจะเป็นความมีอคติของบุคคลบางกลุ่มบางคนมากกว่า

 
พ.อ.วินธัย กล่าวอีกว่า  สำหรับการนายวรชัยหยิบยกข้อมูลมาพูดถึงประเทศไทยโดนแซงซั่นเรื่องประมง และเรื่องการบิน  เพราะการเข้ามาบริหารประเทศของคสช. ก็เป็นเรื่องไม่จริง เพราะประเทศไทยถูกองค์การระหว่างประเทศเตือนทั้งเรื่องการประมงที่ผิดกฎหมาย และมาตรฐานการบินมานานหลายปีก่อนหน้านี้แล้ว  แต่ผู้ที่รับผิดชอบในช่วงที่ผ่านมาอาจละเลยขาดความใส่ใจ และไม่คิดแก้ปัญหาจริงจัง จนมาแสดงผลสุดท้ายเมื่อ คสช. เข้ามา. และ คสช. มองออกว่าเรื่องดังกล่าวจะมีผลเสียหายต่อทั้งระบบเศรษฐกิจ และภาพลักษมณ์ ประเทศอย่างมาก จึงลงมือแก้ปัญหาอย่างจริงจัง และเป็นระบบภายใต้เงื่อนไขเวลาที่จำกัด เชื่อว่าหากได้ติดตามจะได้เห็นพัฒนาการในเชิงบวกไปมากเมื่อเทียบกับอดีต


 พ.อ.วินธัย ยังตอบโต้เพิ่มเติมว่า  แม้เศรษฐกิจโลกจะยังชะลอตัว แต่เศรษฐกิจไทยมีอัตราการขยายตัวต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2557 จนถึงปัจจุบัน โดยไตรมาส 1 ของปี 2559 เศรษฐกิจขยายตัว ร้อยละ 3.2  มากกว่า สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น สิงคโปร์ เสียอีก

" เศรษฐกิจไทยไม่ได้ติดลบอย่างที่นายวรชัยเข้าใจ  ขอสังคมมั่นใจ คสช. และ รัฐบาลไม่ใช่คู่ขัดแย้งกับใคร  แต่จำเป็นต้องรักษากฏกติกาให้สังคม สำหรับกลุ่มที่พยายามสร้างความไม่เรียบร้อยให้กับประเทศด้วยกลวิธีด้วยรูปแบบต่างๆ   เชื่อว่าพี่น้องประชาชนที่ติดตามข่าวสารมาตลอดจะเข้าใจ สามารถแยกแยะได้ว่า อะไรเป็นเรื่องจริงอะไรเป็นเรื่องเท็จที่แฝงด้วยผลลัพธ์และนัยยะในทางการเมือง" พ.อ.วินธัย กล่าว